การพัฒนาการบริหารระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนในยุคนิวนอร์มอลของโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 1
คำสำคัญ:
การบริหาร , ระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน , ยุคนิวนอร์มอลบทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพการบริหารระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนในยุคนิวนอร์มอล 2) เปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาและครูที่มีต่อการบริหารระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนในยุค นิวนอร์มอล จำแนกตามตำแหน่ง วุฒิการศึกษา ประสบการณ์การทำงาน และขนาดของโรงเรียน และ 3) ศึกษาแนวทางในการพัฒนาการบริหารระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนในยุคนิวนอร์มอลของโรงเรียนสังกัดสำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 1 ตัวอย่างที่ใช้ ประกอบด้วยผู้บริหารสถานศึกษาและครู จำนวน 331 คน เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ แบบสอบถาม และแบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง สถิติที่ใช้ ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์การทดสอบที การทดสอบเอฟ และการทดสอบความแตกต่างรายคู่ด้วยวิธีการของเชฟเฟ่
ผลการวิจัยพบว่า
- สภาพการบริหารระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนในยุคนิวนอร์มอลของโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 1 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก
- การเปรียบเทียบการบริหารระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนในยุคนิวนอร์มอลของโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 1 จำแนกตามตำแหน่ง วุฒิการศึกษา และประสบการณ์ทำงาน โดยรวมพบว่า ไม่แตกต่างกัน และการจำแนกตามขนาดของโรงเรียน โดยภาพรวมพบว่า มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
- แนวทางการพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนในยุคนิวนอร์มอลของโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 1 ได้แก่ ด้านการคัดกรองนักเรียน สถานศึกษาควรมีการจัดเก็บข้อมูลสารสนเทศอย่างเป็นระบบ และใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการคัดกรองนักเรียน ด้านการส่งเสริมและพัฒนานักเรียน สถานศึกษาควรมีการสร้างเว็บเพจสำหรับระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน และด้านการส่งต่อ สถานศึกษาควรมีการติดตามผลการส่งต่อนักเรียนทั้งภายในและภายนอกอย่างต่อเนื่อง
เอกสารอ้างอิง
เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 1, สำนักงาน. แผนปฏิบัติการประจำปีงบประมาณ 2564, ศรีสะเกษ: สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 1, 2564.
ธีรศักดิ์ อุ่นอารมย์เลิศ. เครื่องมือวิจัยทางการศึกษา: การสร้างและการพัฒนา. นครปฐม: มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2549.
นภาพันธ์ งามบุษบงโสภิณ. “พุทธวิธีเพื่อการดูแลตนเองในสถานการณ์โควิด 19,” วารสารบัณฑิตศึกษาปริทรรศน์. 16, 2 (พฤษภาคม-สิงหาคม 2563): 41-58.
บุญเรือน ทองทิพย์. โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19 กับศักยภาพของผู้นำต่อการพัฒนาองค์การแบบ New Normal. ตาก: วิทยาลัยนอร์ทเทิร์น, 2563.
ปรียาภัทร ศรีไกร. “การบริหารงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนในยุค NEW NORMAL ของผู้บริหารสถานศึกษา ศูนย์เครือข่ายพัฒนาคุณภาพการศึกษาขั้นพื้นฐานที่ 3 เมืองศรีภูมิ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาร้อยเอ็ด เขต 2,” วารสารการบริหารการศึกษา มมร.วิทยาเขตร้อยเอ็ด. 2, 3 (กันยายน–ธันวาคม 2565): 6.
พัชราภรณ์ ดวงชื่น. “การบริหารจัดการศึกษารับความปกติใหม่หลังวิกฤตโควิด–19,” วารสารศิลปะการ จัดการมหาวิทยาลัยคริสเตียน. 4, 3 (กันยายน-ธันวาคม 2563): 783-794.
สันติสุข สันติศาสนสุข. “องค์ความรู้เรื่องระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน,” วารสารวิชาการ. 12, 1 (มกราคม-มีนาคม 2552): 87.
สุวรรณา แสงสุริฉาย. “การพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนแบบออนไลน์ในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน,” วารสารอิเล็กทรอนิกส์ Veridian มหาวิทยาลัยศิลปากร (มนุษยศาสตร์สังคมศาสตร์และศิลปะ). 6, 1 (มกราคม-เมษายน 2551): 373.
Krejcie, R. V. and D. W., Morgan. “Determining Sample size for Research Activities.” Education and Psychological Measurement. 30, 3 (Autumn 1970): 607-610.
Morales-Ocaña, A. and P. Pérez-García. “Children living in residential care from teachers’ voices.” European Journal of Social Work. 23, 4 (July 2020): 658-671.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2023 วารสารบัณฑิตวิทยาลัย พิชญทรรศน์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความทุกเรื่องได้รับการตรวจความถูกต้องทางวิชาการโดยผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกอย่างน้อย 2 คน ความคิดเห็นในวารสารบัณฑิตวิทยาลัย พิชญทรรศน์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี เป็นความคิดเห็นของผู้เขียนมิใช่ความคิดเห็นของผู้จัดทำ จึงมิใช่ ความรับผิดชอบของบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี และบทความในวารสารบัณฑิตวิทยาลัย พิชญทรรศน์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี สงวนสิทธิ์ตามกฎหมายไทย การจะนำไปเผยแพร่ต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากกองบรรณาธิการ