แนวทางการพัฒนานักบัญชีที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการปฏิบัติงานในจังหวัดศรีสะเกษ

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาทักษะทางวิชาชีพและประสิทธิผลการปฏิบัติงานของนักบัญชีในจังหวัดศรีสะเกษ และ 2) เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนานักบัญชีในจังหวัดศรีสะเกษ การวิจัยใช้วิธีผสมผสาน ประกอบด้วยการวิจัยเชิงปริมาณ โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นนักบัญชีในจังหวัด ศรีสะเกษจำนวน 340 คน ทำการวิเคราะห์ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบทางเดียว และการวิจัยเชิงคุณภาพ เก็บข้อมูลจากผู้ให้ข้อมูลสำคัญโดยการสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้างจำนวน 5 คน และการสนทนากลุ่มจำนวน 7 คน

               ผลการวิจัยพบว่า 1) นักบัญชีในจังหวัดศรีสะเกษมีความคิดเห็นเกี่ยวกับทักษะทางวิชาชีพโดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก 2) นักบัญชีในจังหวัดศรีสะเกษมีความคิดเห็นเกี่ยวกับประสิทธิผลการปฏิบัติงานโดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก และทักษะทางวิชาชีพมีผลเชิงบวกต่อประสิทธิผลการปฏิบัติงานอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ซึ่งอธิบายได้ว่า หากนักบัญชีของสถานประกอบการในจังหวัดศรีสะเกษมีทักษะทางวิชาชีพบัญชีที่สูงขึ้นจะส่งผลให้ประสิทธิผลในการปฏิบัติงานสูงขึ้นด้วย และตัวแปรด้านทักษะทางคุณลักษณะเฉพาะบุคคล ทักษะทางการปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและการสื่อสารทักษะทางการบริหารองค์กรและการจัดการธุรกิจ รวมกันสามารถอธิบายประสิทธิผลในการปฏิบัติงานได้ร้อยละ 60.5 และ 3) แนวทางการพัฒนานักบัญชีในจังหวัดศรีสะเกษ ได้แก่ นักบัญชีต้องศึกษาและฝึกฝนเพื่อพัฒนาทักษะทางวิชาชีพทั้ง 5 ด้าน ภาษาต่างประเทศทั้งการฟัง การพูด การอ่าน การเขียน โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ การใช้โปรแกรมสำเร็จรูปทางด้านบัญชี และต้องศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิชาชีพบัญชี มาตรฐานการบัญชี จรรยาบรรณของนักบัญชี กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับบัญชี ภาษี และการรายงานงบการเงิน โดยการเข้าร่วม การอบรม สัมมนา สืบค้นข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต วารสารวิชาชีพบัญชีและหนังสือเกี่ยวกับวิชาชีพบัญชี  รวมทั้งนักบัญชีควรมีการรวมกลุ่มสร้างเครือข่ายการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างการเป็นนักบัญชีคุณภาพ นอกจากนี้สถาบันการศึกษาควรพัฒนาหลักสูตรและจัดการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับมาตรฐานการศึกษาระหว่างประเทศ รวมทั้งควรส่งเสริมสนับสนุนนักศึกษาให้มีความพร้อมด้านทักษะทางวิชาชีพ และสภาวิชาชีพบัญชีหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรจัดอบรมในลักษณะเชิงปฏิบัติการเพื่อเพิ่มพูนทักษะทางวิชาชีพอย่างต่อเนื่อง