การพัฒนารูปแบบการส่งเสริมสมรรถนะการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทย สำหรับครูในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน
คำสำคัญ:
รูปแบบ, สมรรถนะครู, การจัดการเรียนรู้, โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนารูปแบบการส่งเสริมสมรรถนะการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทยสำหรับครูในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน และ 2) ศึกษาประสิทธิผลของรูปแบบการส่งเสริมสมรรถนะการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทยสำหรับครูในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน กลุ่มเป้าหมายคือ ครูสอนภาษาไทยในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน สังกัดกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 13 จำนวน 14 โรงเรียน รวมทั้งสิ้น 28 คน เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ รูปแบบการส่งเสริมสมรรถนะการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทยสำหรับครูในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน แบบทดสอบความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสมรรถนะการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทย แบบประเมินสมรรถนะการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทยของครูในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน และแบบสอบถามความคิดเห็นของครูโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนที่มีต่อรูปแบบการส่งเสริมสมรรถนะการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทยสำหรับครูในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน สถิติที่ใช้ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบที และการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัยพบว่า
- รูปแบบการส่งเสริมสมรรถนะการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทยสำหรับครูในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนที่พัฒนาขึ้นมีชื่อว่า POLICE Model มีองค์ประกอบของรูปแบบ 4 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) หลักการของรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะ 2) วัตถุประสงค์ของรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะ 3) กระบวนการพัฒนาสมรรถนะ 6 ขั้นตอน ได้แก่ (1) วางแผนการแก้ไขปัญหา (2) พิจารณาถึงเป้าหมาย (3) ขยายหลักการออกแบบการเรียนรู้ (4) นำไปสู่การสอนในชั้นเรียน
(5) หมุนเวียนติดตามโดยผู้เชี่ยวชาญ (6) พัฒนางานด้วยการประเมิน และ 4) เงื่อนไขของการนำรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะไปใช้ ได้แก่ ระบบสังคม ระบบสนับสนุน และหลักการตอบสนอง - ผลการศึกษาประสิทธิผลของรูปแบบการส่งเสริมสมรรถนะการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทยสำหรับครูในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน พบว่า ครูโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวสมรรถนะการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 มีสมรรถนะการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
เอกสารอ้างอิง
คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, สำนักงาน. คู่มือการประเมินสมรรถนะครู. กรุงเทพฯ: ม.ป.ท., 2553.
ฐิติพร ชมพูคำ. สุดยอดผู้นำ: 24 บทเรียนสำหรับผู้นำที่ไม่ธรรมดา. กรุงเทพฯ: แมคกรอ-ฮิล, 2547.
ประเวศ วะสี. การจัดการความรู้: กระบวนการปลดปล่อยมนุษย์สู่ศักยภาพ เสรีภาพและความสุข. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: สถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม (สคส.), 2548.
พริดา ศรีธรรมา. สภาพและปัญหาโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคต่างๆ. วิทยานิพนธ์ปริญญา ครุศาสตรมหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2539.
วิจารณ์ พานิช. การจัดการความรู้กับการบริหารราชการแนวใหม่. กรุงเทพฯ: ใยไหม, 2551.
วิชัย วงษ์ใหญ่. สี่เสาหลักของการศึกษา. (ออนไลน์) 2557 (อ้างเมื่อ 24 กรกฎาคม 2562).จาก www.curriculumandlearning.com/upload/สี่เสาหลักทางการศึกษา_1400078221.pdf
วิชัย วงษ์ใหญ่ และ มารุต พัฒน์ผล. สมรรถนะการโค้ช สู่ Deep Learning & Creative Innovation. กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, 2562.
Martens, R. “Mind Tools – Achieving Goals and Feedback”. (Online) 1998 (Cited July 23, 2019). Available from :https:/www.mindtools.com/pages/ article/newTMM_98.htm
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความทุกเรื่องได้รับการตรวจความถูกต้องทางวิชาการโดยผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกอย่างน้อย 2 คน ความคิดเห็นในวารสารบัณฑิตวิทยาลัย พิชญทรรศน์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี เป็นความคิดเห็นของผู้เขียนมิใช่ความคิดเห็นของผู้จัดทำ จึงมิใช่ ความรับผิดชอบของบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี และบทความในวารสารบัณฑิตวิทยาลัย พิชญทรรศน์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี สงวนสิทธิ์ตามกฎหมายไทย การจะนำไปเผยแพร่ต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากกองบรรณาธิการ