รูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาไทย เพื่อเสริมสร้างการรู้เรื่องการอ่าน และสื่อสาร สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น
คำสำคัญ:
การจัดการเรียนรู้ภาษาไทย, รู้เรื่องการอ่านและสื่อสาร, ทักษะการรู้เรื่องการอ่านและสื่อสารบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพการจัดการเรียนรู้ภาษาไทย เพื่อเสริมสร้างการรู้เรื่องการอ่านและสื่อสาร ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 2) พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาไทย เพื่อเสริมสร้างการรู้เรื่องการอ่านและสื่อสารสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น และ 3) ทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาไทยเพื่อเสริมสร้างการรู้เรื่องการอ่านและสื่อสาร สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ตัวอย่างได้แก่ ครูที่ได้รับรางวัลจำนวน 3 คน ครูที่มีประสบการณ์จำนวน 10 คน และนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนธนรัตน์อุปถัมภ์ อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราชซึ่งได้มาจากการสุ่มอย่างง่าย โดยการจับฉลากจำนวน 34 คน สถิติที่ใช้ ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบที และค่าดัชนีความสอดคล้อง
ผลการวิจัยพบว่า
- ครูเป็นผู้จัดระเบียบในการทำงานและให้ข้อเสนอแนะต่าง ๆ และฝึกฝนให้นักเรียนรู้จักคิด รู้จักใช้เหตุผล และให้นักเรียนลงมือทำด้วยตนเอง
- ผลการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ พบว่ามีองค์ประกอบ คือ 1 ) หลักการและเหตุผล 2) เป้าหมายและวัตถุประสงค์ 3) เนื้อหาสาระ 4) กิจกรรมการเรียนรู้ ซึ่งมีขั้นตอนคือ นำเข้าสู่บทเรียน ทดสอบก่อนเรียน ปฎิบัติกิจกรรม 6 ขั้น 5) สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 6) การวัดผลและประเมินผล มีค่าดัชนีความสอดคล้อง 0.87
- ผลการทดลองใช้รูปแบบ พบว่ามีคะแนนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 นักเรียนมีทักษะเรื่องการรู้เรื่องการอ่านและสื่อสารผ่านเกณฑ์ที่กำหนดผลการประเมินความสนใจความร่วมมือในกิจกรรมรายกลุ่ม และรายบุคคลพบว่าผ่านเกณฑ์ที่กำหนดและมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนร้อยละ 84.55 ซึ่งผ่านเกณฑ์ตามที่กำหนด
เอกสารอ้างอิง
ศึกษาธิการ, กระทรวง. หลักสูตรการศึกษาขั้นพี้นฐาน พุทธศักราช 2544. กรุงเทพฯ: กระทรวงศึกษาธิการ, 2544.
ศึกษาธิการ, กระทรวง. กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว, 2546.
ศึกษาธิการ, กระทรวง. พระราชบัญญติการศึกษาแห่งชาติ. กรุงเทพฯ: องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ (ร.ส.พ.), 2546.
ศึกษาธิการ, กระทรวง. หลักสูตรการศึกษาขั้นพี้นฐาน พุทธศักราช.กรุงเทพฯ: กระทรวงศึกษาธิการ, 2551.
ศึกษาธิการ, กระทรวง. หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพี้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: คุรุสภาลาดพร้าว, 2552.
ศึกษาธิการ, กระทรวง. หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพี้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: คุรุสภาลาดพร้าว, 2553.
ศึกษาธิการ, กระทรวง. หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพี้นฐาน พุทธศักราช 2551. (ออนไลน์) 2551 (อ้างเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2562). จาก https://www.curriculum51.net/upload/cur-51.pdf
กอบกาญจน์ วงศ์วิสิทธิ์. ทักษะภาษาเพื่อการสื่อสาร.กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์, 2551.
จรีลักษณ์ จิรวิบูรณ์. คู่มือครูและผู้ปกครองสำหรับเด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้ ความจำ. กรุงเทพฯ: องค์การค้าของคุรุสภา, 2546.
จักริน โพธิ์ทอง. การสอนอ่านแบบกว้างขวางเพื่อส่งเสริมความเข้าใจการอ่านภาษาอังกฤษ การรู้คำศัพท์ และทัศนคติเชิงบวกต่อการอ่าน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5. เชียงใหม่: คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 2545.
ณัชชากัญญ์ วิรัตนชัยวรรณ. ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มมนุษย์นิยม (Humanism). (ออนไลน์) 2561 (อ้างเมื่อ 27 มิถุนายน 2561). จาก https://www.learners.in.th.
นพดล จันทร์เพ็ญ. การใช้ภาษาไทย. กรุงเทพฯ: แสงการพิมพ์, 2535.
บุญช่วย สายราม. การพัฒนาการดำเนินงานการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านของนักเรียนโรงเรียนบ้านหนองทัพ อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 2552.
เบญจมาศ โกมลไสย. ผลของการสอนแบบ เอ็ม ไอ เอ ที่มีต่อความเข้าใจในการอ่านภาษาอังกฤษและความสนใจในการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4. เชียงใหม่: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 2537.
พลายพิชัย ศิริอรรถ. การพัฒนาการดำเนินงานส่งเสริมนิสัยรักการอ่านของนักเรียนโรงเรียนไพโรจน์ วิทยาลัยอำเภอเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 2553.
พิรุณ อนวัชศิริวงศ์ และถิรนันท์ อนวัชศิริวงศ์. อ่านสร้างสุข:สร้างวัฒนธรรมการอ่าน
สร้างการอ่านให้ เป็นวัฒนธรรม. กรุงเทพฯ: แปลนพลิ้นท์ติ้ง, 2554.
วัฒนะ บุญจับ. ศาสตร์แห่งการใช้ภาษา. กรุงเทพฯ: กองวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร, 2541.
สุรางค์ โค้วตระกูล. จิตวิทยาการศึกษา. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2556.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความทุกเรื่องได้รับการตรวจความถูกต้องทางวิชาการโดยผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกอย่างน้อย 2 คน ความคิดเห็นในวารสารบัณฑิตวิทยาลัย พิชญทรรศน์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี เป็นความคิดเห็นของผู้เขียนมิใช่ความคิดเห็นของผู้จัดทำ จึงมิใช่ ความรับผิดชอบของบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี และบทความในวารสารบัณฑิตวิทยาลัย พิชญทรรศน์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี สงวนสิทธิ์ตามกฎหมายไทย การจะนำไปเผยแพร่ต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากกองบรรณาธิการ