การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรี่อง สมการ โดยใช้การเรียนแบบร่วมมือตามรูปแบบแข่งขันเป็นกลุ่มสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2

ผู้แต่ง

  • สมพง บุนเพ็ง สาขาวิชาคณิตศาสตรศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
  • จิรัญญา สราวุธ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ก่อนและหลังเรียน โดยใช้เทคนิคการเรียนแบบร่วมมือตามรูปแบบแข่งขันเป็นกลุ่ม เรื่อง สมการ และ 2) ศึกษาเจตคติต่อการเรียน โดยใช้การเรียนแบบร่วมมือตามรูปแบบแข่งขันเป็นกลุ่มเรื่อง สมการ ตัวอย่างคือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นดอนเขาะ อำเภอปากเซ จังหวัดจำปาสัก สาธารณรัฐประชาธิปไตยลาว ทั้งหมด 30 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มอย่างง่าย โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยในการสุ่ม แบบแผนการวิจัยเป็นการวิจัยกึ่งทดลอง ระยะเวลาที่ใช้ในการทดลองคือ 12 ชั่วโมง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้การเรียนแบบร่วมมือตามรูปแบบแข่งขันเป็นกลุ่ม เรื่อง สมการ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 12 แผน และ 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ เรื่อง สมการ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เป็นแบบทดสอบชนิด 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ มีค่าความยากตั้งแต่ 0.33 ถึง 0.73 ค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.33 ถึง 0.87 และค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ 0.72 และ 3) แบบวัดเจตคติต่อการเรียนคณิตศาสตร์ซึ่ สถิติที่ใช้ ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบทีแบบกลุ่มสัมพันธ์ ผลการวิจัย พบว่า 1. ผลการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่อง สมการ โดยใช้การเรียนแบบร่วมมือตามรูปแบบแข่งขันเป็นกลุ่มสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นดอนเขาะ อำเภอปากเซ จังหวัดจำปาสัก สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวหลังเรียนสูงกว่าก่อนการเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2. ผลของแบบสอบถามเจตคติต่อการเรียน โดยใช้การเรียนแบบร่วมมือตามรูปแบบแข่งขันเป็นกลุ่ม เรื่อง สมการ พบว่าเจตคติของกลุ่มตัวอย่างโดยเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก ( gif.latex?\bar{X}= 3.91, S = 0.72)

เอกสารอ้างอิง

ทิศนา แขมมณี. กลุ่มสัมพันธ์เพื่อการทำงานและการจัดการเรียนการสอน. กรุงเทพฯ: แอดเวอร์ไทชิ่ง กรุ๊ฟ, 2544.

พนิดา บัวมณี. การพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่องอัตราส่วนและร้อยละ สำหรับนักเรียนช่วงชั้นที่ 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 . สารนิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2549.

วิมลรัตน์ สุนทรโรจน์. การจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือแบบแข่งขันเป็นกลุ่ม. มหาสารคาม: คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 2549.

ศึกษาธิการ,กระทรวง. หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์วัฒนาพานิช, 2545

ศรไกร รุ่งรอด. การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ และการให้การร่วมมือต่อกลุ่มของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ได้รับการสอนโดยใช้กิจกรรมการเรียนแบบ STAD กับกิจกรรมการสอนตามคู่มือครู สสวท. วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์, 2533.

ศรีสุดา ญาติปลื้ม. การพัฒนาแผนการเรียนรูปแบบ TAI วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วน และร้อยละ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2. การศึกษาค้นคว้าอิสระ การศึกษามหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 2547.

สุรศักดิ์ หลาบมาลา. การเรียนการสอนแบบร่วมมือ, วิทยาจารย์. 6, 75 (2531): 4.

สมปอง พรหมพื้น. การพัฒนาความสามารถทางการเรียนการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ โดยเน้นประสบการณ์ภาษาและร่วมมือกันเรียนรู้ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2543.

สาคร บุญดาว. หน่วยที่ 13 การสอนคณิตศาสตร์เพื่อสนองความแตกต่างระหว่างบุคคล ใน ประมวลสาระชุดวิชาสารัตถุและวิทยวิธีทางวิชาคณิตศาสตร์. สาขาวิชาศึกษาศาสตร์: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2537.

อรุณศรี เหลืองธานี. การพัฒนาความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ การเรียน แบบร่วมมือของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, 2542.

Slavin, Robert E. Cooperative Learning. New York: longman, 1995.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2019-08-29

รูปแบบการอ้างอิง

บุนเพ็ง ส., & สราวุธ จ. (2019). การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรี่อง สมการ โดยใช้การเรียนแบบร่วมมือตามรูปแบบแข่งขันเป็นกลุ่มสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2. วารสารพิชญทรรศน์, 14(2), 171–177. สืบค้น จาก https://so02.tci-thaijo.org/index.php/Pitchayatat/article/view/221443

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย