วิธีการเพื่อความปลอดภัย: กรณีความผิดเกี่ยวกับการเฝ้าติดตามรังควาน
คำสำคัญ:
วิธีการเพื่อความปลอดภัย, คุ้มครองผู้เสียหาย, การเฝ้าติดตามรังควานบทคัดย่อ
ในปัจจุบันมีความเจริญก้าวหน้าทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยีแต่กลับพบว่าผู้คนอาศัยความก้าวหน้านี้ในการกระทำความผิดโดยการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่น เพื่อนำข้อมูลดังกล่าวมาหาประโยชน์ จึงนำไปสู่การกระทำความผิดที่เรียกว่าการเฝ้าติดตามรังควาน ความผิดลักษณะนี้ผู้กระทำความผิดจะเป็นบุคคลใกล้ชิดหรือจะไม่รู้จักกับผู้เสียหายโดยตรงก็ได้ จะติดตามความเคลื่อนไหวของผู้เสียหายอย่างใกล้ชิดแล้วกระทำการบางอย่างที่มีลักษณะติดตามรังควานผู้เสียหายเป็นระยะเวลาต่อเนื่องกัน เช่น การสะกดรอยตาม การแอบบันทึกภาพ การติดต่อสื่อสารทางโทรศัพท์หรือรูปแบบอื่น ๆ โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้เสียหาย แม้ว่าการกระทำดังกล่าวจะไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สิน ชีวิต หรือร่างกายโดยตรงทำให้ผู้เสียหายรู้สึกหวาดระแวง รู้สึกไม่ปลอดภัย อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการกระทำความผิดร้ายแรงอย่างอื่นตามมา แต่กลับพบว่า ประเทศไทยยังไม่มีมาตรการทางกฎหมายเพื่อคุ้มครองบุคคลจากการเฝ้าติดตามรังควาน โดยที่ยังไม่ต้องอยู่ในชั้นการดำเนินคดี เพราะความผิดลักษณะนี้มีความใกล้ชิดต่อตัวผู้เสียหายโดยตรง หากต้องรอให้มีการฟ้องร้อง เพื่อดำเนินคดีก่อนจึงจะได้รับการคุ้มครองก็อาจจะไม่ทันที่จะปกป้องคุ้มครองผู้เสียหายแล้ว จึงเห็นว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องมีมาตรการทางกฎหมายคุ้มครองผู้เสียหายในชั้นก่อนฟ้องคดีก่อนที่การกระทำความผิดจะรุนแรงขึ้น ดังที่ต่างประเทศมีมาตรการทางกฎหมายในลักษณะนี้เพื่อคุ้มครองผู้เสียหายในชั้นก่อนฟ้องคดีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
บทความนี้ จึงนำเสนอเรื่องมาตรการทางกฎหมายในชั้นก่อนฟ้องคดีเพื่อคุ้มครองบุคคลจากการเฝ้าติดตามรังควาน โดยศึกษากฎหมายของประเทศไทยและต่างประเทศด้วย ได้แก่ อังกฤษ เกาหลีใต้ และเยอรมนี ต่างให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว เพราะการเฝ้าติดตามรังควานเป็นการกระทำที่ละเมิดความเป็นส่วนตัวและกระทบต่อความปลอดภัยของสังคมด้วย ซึ่งการบังคับใช้กฎหมายที่มีวัตถุประสงค์ในการคุ้มครองสิทธิส่วนตัวของบุคคลของทั้งสามประเทศนี้ จะเป็นต้นแบบในการแก้ไขปรับปรุงประมวลกฎหมายอาญา ดังนั้น จึงควรมีมาตรการทางกฎหมายในชั้นก่อนฟ้องคดีที่มีลักษณะเป็นคำสั่ง เพื่อคุ้มครองบุคคลจากการเฝ้าติดตามรังควานโดยป้องกันมิให้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้นตั้งแต่ต้นหรือลดความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น และนำไปสู่ความรุนแรงได้
เอกสารอ้างอิง
กฤตศิลป์ กนกนาถ. (2534). วงการกฎหมายทั่วไป. ดุลพาห, 38(2), 144-152.
ข่าวช่อง 8. (2564). สาวร้อง! สุดทน ถูกแฟนเก่าตามรังควานจนอยู่ไม่ได้. https://www.thaich8.com/news_detail/103832
ถาวร พานิชพันธ์. (2520). วิธีการเพื่อความปลอดภัย [วิทยานิพนธ์ปริญญาโทที่ไม่มีการตีพิมพ์]. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ฐิติรัตน์ ทิพย์สัมฤทธิ์กุล. (2560). กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกับความเป็นส่วนตัวในโลกดิจิทัล. ดุลพาห, 64(3), 38-48.
ณรงค์ ใจหาญ. (2543). กฎหมายว่าด้วยโทษและวิธีการเพื่อความปลอดภัย. วิญญูชน.
มติชน. (2565). หนุ่มบาริสต้าทนไม่ไหว บ้านถูกปาหินใส่กลางดึก คาดฝีมืออดีตสาวคนรักเก่าดีกรี ดร.. https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_3620401
มานิตย์ จุมปา. (2555). คำอธิบายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พ.ศ.2550) เล่ม 1 (พิมพ์ครั้งที่ 3). สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สาวิตรี สุขศรี. (2561). อาชญากรรมความรุนแรงบนอินเตอร์เน็ต. วารสารนิติศาสตร์, 47(2), 268-300.
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. (2562). ความมุ่งหมายและคำอธิบายประกอบรายมาตราของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560. สำนักการพิมพ์สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร.
อรณิชา สวัสดิชัย. (2550). มาตรการเพื่อคุ้มครองผู้ถูกคุกคามจากการเฝ้าติดตามอย่างต่อเนื่อง [วิทยานิพนธ์ปริญญาโทที่ไม่มีการตีพิมพ์]. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
อุทิศ สุภาพ. (2561). การป้องกันอาชญากรรมโดยการลดช่องโอกาสในการตกเป็นเหยื่อ. ดุลพาห, 65(1), 144-148.
Helen Thewis. (2020). Stalking Protection Act 2019 introduces Stalking Protection Orders. https://www.ramsdens.co.uk/blog/stalking-rotection-act-2019-introduces-stalking-protection-orders
Leah Silverman. (2023). Inside Rebecca Schaeffer’s Murder At The Hands Of Her Stalker. https://allthatsinteresting.com/rebecca-chaeffer
Schlun&Elseven. (2022). Domestic Violence Cases in Germany. https://se-legal.de/schlun-elseven-lawyers/family-law-germany/domestic-violence-lawyer-in-germany/?lang=en
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 คณะนิติรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ด

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารสังคมศาสตร์ นิติรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ด
ความคิดเห็นในบทความและงานเขียน ซึ่งตีพิมพ์ในวารสารฉบับนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคลของผู้ประพันธ์โดยอิสระ กองบรรณาธิการ วารสารสังคมศาสตร์ นิติรัฐศาสตร์ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยเสมอไป หากท่านประสงค์จะนำบทความหรืองานเขียนเล่มนี้ไปตีพิมพ์เผยแพร่ จะต้องได้รับอนุญาตจากผู้ประพันธ์ตามกฎหมายว่าด้วยลิขสิทธิ์
