ความต้องการจำเป็นในการพูดภาษาอังกฤษ เพื่อการสื่อสารของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
คำสำคัญ:
ความต้องการจำเป็น, ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร, ทักษะการพูด, การพูดสื่อสารภาษาอังกฤษบทคัดย่อ
การวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความต้องการจำเป็นของการพัฒนาทักษะการพูดสื่อสารภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย เพื่อนำข้อมูลมาพัฒนารูปแบบการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารของนักเรียน การวิจัยนี้เป็นวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) ประชากร ได้แก่ 1) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ผู้บริหารโรงเรียน ครูผู้สอนภาษาอังกฤษ และผู้ปกครองนักเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชียงใหม่ ปีการศึกษา 2564 กลุ่มตัวอย่าง คือ 1) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย จำนวน 339 คน 2) ผู้บริหารโรงเรียน จำนวน 34 คน 3) ครูผู้สอนภาษาอังกฤษที่สอนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย จำนวน 138 คน และ 4) ผู้ปกครองนักเรียน จำนวน 339 คน ได้มาจากการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-Stage Sampling) ใช้สูตรการสุ่มของ Taro Yamane (Yamane, 1973) ที่ระดับความเชื่อมั่น 95 เปอร์เซ็นต์ ทำการเก็บข้อมูลจากแบบสอบถามความต้องการจำเป็นที่มีลักษณะเป็นรูปแบบการตอบสนองคู่ (Dual–Response Format) 5 ระดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และจัดลำดับความสำคัญโดยใช้ (PNImodified) ผลการวิจัย พบว่า
1) สภาพความเป็นจริงของการพัฒนาทักษะการพูดสื่อสารภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายในภาพรวม พบว่า มีพฤติกรรมอยู่ในระดับน้อยทุกด้านส่วนสภาพที่พึงประสงค์มีความต้องการให้เกิดพฤติกรรมอยู่ในระดับมากทุกด้าน
2) ผลการวิเคราะห์การจัดลำดับความสำคัญของความต้องการจำเป็นด้านของการพัฒนาทักษะการพูดสื่อสารภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย พบว่า ด้านความสามารถในการสื่อสารของนักเรียนมีความสำคัญ ลำดับที่ 1 มีค่า PNImodified = 1.11
3) แนวทางการพัฒนาทักษะการพูดสื่อสารภาษาอังกฤษของนักเรียน มีดังนี้
3.1) จัดเนื้อหาและกิจกรรมให้มีการใช้คำศัพท์หลากหลายบริบท ฝึกสนทนาประโยคที่ง่าย ๆ สั้น ๆ ก่อนประโยคที่มีโครงสร้างซับซ้อน
3.2) ฝึกทักษะการพูดโดยบูรณาการทุกทักษะภาษากระตุ้นให้กำลังใจ ชมเชยและให้คำแนะนำเชิงบวกแก่นักเรียน
3.3) ใช้สื่อ นวัตกรรม จัดกิจกรรมปฏิสัมพันธ์ และประเมินผลอย่างหลากหลาย
3.4) ฝึกฝนนักเรียนให้พูดได้อย่างคล่องแคล่ว และใช้คำศัพท์และข้อความประกอบการอธิบายให้ได้มากที่สุด
References
กาญจนาพร รุจิโฉม. (2561). การสื่อสารภาษาอังกฤษของคนไทยกับการดำเนินชีวิตในศตวรรษที่ 21. วารสารศิลปะ การจัดการ, 2(3), 199-210.
ฐิติยา เรือนนะการ. (2559). การจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษในโรงเรียนมาตรฐานสากล. วารสารวิชาศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, 17(2), 40-53.
นรินทร์ บัวนาค, วิไลภรณ์ ฤทธิคุปต์, และลำไย สีหามาตย์. (2565). การศึกษาความต้องการจำเป็นของครูในการสอนวิชาคณิตศาสตร์เป็นภาษาอังกฤษในโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยพะเยา. วารสารวิจัยศิลปวิทยาการลุ่มน้ำโขง, 29(2), 29–38.
ประยงค์ กลั่นฤทธิ์. (2564). การสอนทักษะการพูดภาษาอังกฤษในบริบทเป็นภาษาต่างประเทศ. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎอุดรธานี, 10(1), 1-18.
ปัณฑ์นพ ผจญทรพรรค, ณัฐวุฒิ โพธิ์ทักษิณ และนรินทร์ มุกมณี. (2564). ปัญหาการเรียนภาษาอังกฤษของคนไทย. วารสาร มจร. อุบลปริทรรศน์, 6(3), 911-920.
พัชชา กรีรัมย์. (2565). การพัฒนาชุดกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างทักษะการฟัง-พูด ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร โดยใช้ Task-Based Learning ร่วมกับ 2W3P สําหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6. วารสารวิชาการครุศาสตร์สวนสุนันทา, 6(1), 11-21.
ฤทธิไกร ไชยงาม,กันยารัตน์ ไวคำ และหทัย ไชยงาม. (2561). ปัญหาและแนวทางการแก้ไขเพื่อพัฒนาทักษะผู้เรียนภาษาอังกฤษของชุมชนเรียนรู้ทางวิชาชีพครูผู้สอนภาษาอังกฤษในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 12(2), 7-17.
สถาบันภาษาอังกฤษ. (2558). คู่มือการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษแนวใหม่ตามกรอบความสามารถทางภาษาอังกฤษที่เป็นสากลระดับชั้นมัธยมศึกษา. http://ltu.obec.go.th/english/2013/index.php/th/2012-08-08-10-26-5/74-cefr
สุวิมล ว่องวาณิช. (2550). การประเมินความต้องการจำเป็น. สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สุวิมล ว่องวานิช. (2558). การวิจัยประเมินความต้องการจำเป็น. สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
Education First. (2019). The World’s Largest Ranking of Countries and Regions by English Skills. https://www.ef.com/wwen/epi/
_____. (2020). The World’s Largest Ranking of Countries and Regions by English Skills. https://www.ef.com/ wwen/epi/
_____. (2021). The World’s Largest Ranking of Countries and Regions by English Skills. https://www.ef.com/wwen/epi/
Erdogen, M. (2010). Sustainability in Higher Education: A needs Assessment on a Course “Education and Awareness for Sustainability”. Asia-Pacific Forum on Science Learning and Teaching, 11(1), 1-20.
Morrison, G. and others. (2010). Designing Effective instruction (6th ed.). John Wiley & Sons.
Seehamat L., Sarnrattana U., Tungkasamit A., Srisawasdi N., (2014). Needs Assessment for Curriculum Development about Water Resources Management: A Case study of Nam Phong Basin. Procedia – Social and Behavioral Sciences, 116, 1763-1765.
Yamane, T. (1973). Statistics: An Introductory Statistic, (2nd ed.). Harper & Row.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2022 คณะนิติรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ด
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารสังคมศาสตร์ นิติรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ด
ความคิดเห็นในบทความและงานเขียน ซึ่งตีพิมพ์ในวารสารฉบับนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคลของผู้ประพันธ์โดยอิสระ กองบรรณาธิการ วารสารสังคมศาสตร์ นิติรัฐศาสตร์ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยเสมอไป หากท่านประสงค์จะนำบทความหรืองานเขียนเล่มนี้ไปตีพิมพ์เผยแพร่ จะต้องได้รับอนุญาตจากผู้ประพันธ์ตามกฎหมายว่าด้วยลิขสิทธิ์