การพัฒนาเมืองน่าอยู่บนฐานหลักพุทธธรรมในแผนพัฒนาเทศบาล ตำบลป่าเมี่ยง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่

ผู้แต่ง

  • พระครูสมุห์วัลลภ ฐิตสํวโร มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตเชียงใหม่
  • พระครูปริยัติเจติยานุรักษ์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตเชียงใหม่

คำสำคัญ:

เมืองน่าอยู่, พุทธธรรม, องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น

บทคัดย่อ

บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 3 ประการ ได้แก่ (1) ศึกษาแนวคิดพุทธธรรมที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเมืองน่าอยู่ (2) ศึกษาบริบทและสถานการณ์ตำบลป่าเมี่ยง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ในมิติกายภาพ การเมือง เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม สุขภาพ และจิตใจ และ (3) พัฒนารูปแบบการพัฒนาเมืองน่าอยู่บนฐานหลักพุทธธรรมเพื่อใช้ประกอบแผนพัฒนาเทศบาลตำบลป่าเมี่ยง การวิจัยใช้ระเบียบวิธีเชิงคุณภาพ โดยทบทวนเอกสาร สัมภาษณ์เชิงลึก และสนทนากลุ่มกับผู้ให้ข้อมูลหลัก 26 คน ได้แก่ นักวิชาการพระพุทธศาสนา นักพัฒนาเมือง/ชุมชน ผู้นำท้องถิ่น และตัวแทนประชาชน

ผลการศึกษาพบว่า พุทธธรรมที่เป็นแกนในการพัฒนาเมืองน่าอยู่ประกอบด้วย 4 หลัก ได้แก่ มัชฌิมาปฏิปทา คือการกำกับการพัฒนาให้พอดีและสมดุล สันโดษ คือการลดบริโภคนิยมและการแข่งขันเกินจำเป็น สัปปายะ 7 คือการออกแบบสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อคุณภาพชีวิตและสุขภาวะ และ ภาวนา 4 คือการพัฒนากาย ศีล จิต และปัญญาเพื่อความสงบสุขยั่งยืน เมื่อบูรณาการร่วมกันทำให้การพัฒนาเชื่อมโยงทั้งมิติวัตถุ สังคม และจิตใจอย่างเป็นระบบ

ด้านบริบทพื้นที่ ตำบลป่าเมี่ยงมีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์และทุนวัฒนธรรมเข้มแข็ง เศรษฐกิจชุมชนยึดแนวพอเพียง ส่งเสริมสินค้าอัตลักษณ์และการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ชุมชนมีความเข้มแข็งโดยมีวัดเป็นศูนย์กลางและมีกติกาดูแลป่าต้นน้ำ แม้มีข้อจำกัดการเข้าถึงบริการสุขภาพจากภูมิประเทศ แต่มีการส่งเสริมการดูแลสุขภาพด้วยกิจกรรมทางกาย อาหารพื้นถิ่น และการปฏิบัติธรรม

รูปแบบการพัฒนาบนฐานหลักพุทธธรรม มีการใช้หลักมัชฌิมาปฏิปทา เป็นแนวทางให้เมืองเติบโตอย่างสมดุลทั้งด้านกายภาพ เศรษฐกิจ สังคม และจิตใจ หลัก ความสันโดษ ช่วยลดการบริโภคนิยมเกินจำเป็น ขณะที่สัปปายะ 7 สนับสนุนการออกแบบสภาพแวดล้อมเอื้อต่อสุขภาวะ และภาวนา 4 ส่งเสริมการพัฒนากาย ศีล จิต และปัญญาเพื่อสันติสุขยั่งยืน เมื่อนำมาบูรณาการร่วมกัน เมืองจึงสามารถเป็นพื้นที่ที่สงบ ควบคู่กับการมีพลังสร้างสรรค์ได้อย่างแท้จริง รูปแบบที่พัฒนาขึ้นเสนอให้ใช้พุทธธรรม 4 หลักเป็นกรอบกำกับแผนพัฒนา โดยเน้นเศรษฐกิจพอเพียง โครงสร้างพื้นฐานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การพัฒนาคุณธรรมและจิตวิญญาณ และกลไกความร่วมมือระหว่างเทศบาล วัด ภาคเอกชน และประชาชน เพื่อมุ่งสู่เมืองน่าอยู่ที่สมดุลระหว่างคนกับธรรมชาติ และระหว่างวัตถุกับจิตใจอย่างยั่งยืน

เอกสารอ้างอิง

ชุลีรัตน์ เจริญพร. (2560). “เมืองน่าอยู่”: แนวคิดเพื่อการพัฒนาชุมชนแบบมีส่วนร่วม กรณีศึกษาชุมชนหลักหก ตำบลหลักหก อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี. วารสารบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์. 11( ฉบับพิเศษ), 1. https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JournalGradVRU/article/view/115441/89637

ณัฏยา มานู. (2560). การพัฒนาเมืองน่าอยู่ของเทศบาลเมืองพนัสนิคม อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี ต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนตามมุมมองของผู้บริหารและผู้นำชุมชน. วิทยานิพนธ์รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต. กลุ่มวิชาการจัดการภาครัฐและภาคเอกชน วิทยาลัยการบริหารรัฐกิจ มหาวิทยาลัยบูรพา.

เทศบาลตำบลป่าเมี่ยง. (2568). สภาพทั่วไปและข้อมูลพื้นฐาน. สืบค้นเมื่อ 19 ธันวาคม 2568, จาก https://www.pamiang.go.th/content/generalinfo

ธิติพร คำแก่น. (2550). บทบาทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาเมืองน่าอยู่ของเทศบาลนครเชียงราย. วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาพัฒนามนุษย์และสังคม. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

นิเวศน์ พูนสุขเจริญ. (2561). แนวทางการพัฒนาเมืองยั่งยืนในมิติพระพุทธศาสนา: กรณีศึกษาเมืองเชียงใหม่. ดุษฎีนิพนธ์ปริญญาพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต. สาขาวิชาพระพุทธศาสนา บัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

พระธรรมธรศักดิ์ดา กิตฺติสมฺปนฺโน (เหลาลาภะ) และคณะ. (2562). ศึกษาการสร้างชุมชนน่าอยู่ตามหลักธรรมทางพุทธศาสนาของวัดสามสวน บ้านหนองสวรรค์ ตำบลบ้านเหล่า อำเภอบ้านฝาง จังหวัดขอนแก่น. วารสารบัณฑิตศึกษามหาจุฬาขอนแก่น. 6(2), 287 – 298. https://so02.tci-thaijo.org/index.php/jg-mcukk/article/view/243579/165267

เบญจพร วงษ์วานิช. (2550). การมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนำไปสู่เมืองน่าอยู่: กรณีศึกษาเทศบาล เมืองฉะเชิงเทรา อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา. วิทยานิพนธ์รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชานโยบายสาธารณะ. มหาวิทยาลัยบูรพา.

พูลสวัสดิ์ นาทองคำ. (2546). การมีส่วนร่วมของประชาชนในโครงการพัฒนาเมืองน่าอยู่ เทศบาลตำบล ร่องคำ อำเภอร่องคำ จังหวัดกาฬสินธุ์. วิทยานิพนธ์รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต. สาขาวิชา นโยบายสาธารณะ. มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.

มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. (2539). พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.ส่วนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สำนักส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. (2555). คู่มือการประเมินเทศบาลน่าอยู่อย่างยั่งยืน พ.ศ. 2555. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์บริษัทเพนนินซูลาร์แอสโซซิเอทส์ จำกัด.

สันติศักดิ์ กองสุทธิ์ใจ. (2560). การพัฒนาเมืองน่าอยู่โดยกระบวนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม: เทศบาลเมือง ลพบุรี จังหวัดลพบุรี. วารสารการวิจัยการบริหารการพัฒนา. 7(1), 1. https://so01.tci-thaijo.org/index.php/JDAR/article/view/243896/165296

สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.). (2568). ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ. สืบค้นเมื่อ 19 ธันวาคม 2568, จาก https://www.rdpb.go.th/th

สำนักงานสถิติแห่งชาติ. (2568). รายงานสถิติจังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ.2568. กรุงเทพมหานคร: สำนักงานสถิติ

แห่งชาติ.อารีย์พร เพ็ญเกตุ. (2560). ปัจจัยที่มีผลต่อการเป็นเมืองน่าอยู่ของเทศบาลเมืองพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี. วิทยานิพนธ์รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยบูรพา.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-12-28

รูปแบบการอ้างอิง

ฐิตสํวโร พ., & พระครูปริยัติเจติยานุรักษ์. (2025). การพัฒนาเมืองน่าอยู่บนฐานหลักพุทธธรรมในแผนพัฒนาเทศบาล ตำบลป่าเมี่ยง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่. วารสารพุทธศาสตร์ศึกษา, 16(2), 30–43. สืบค้น จาก https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JBS/article/view/280524