คตินิยม รูปแบบ และนวัตกรรมการสร้างพระพุทธรูปทรงเครื่อง
คำสำคัญ:
คตินิยม, นวัตกรรม, พระพุทธรูปทรงเครื่องบทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 3 ประการ คือ 1) เพื่อศึกษาคตินิยมและพัฒนาการ การสร้างพระพุทธรูปทรงเครื่องในพระพุทธศาสนา 2) เพื่อศึกษาคตินิยมและรูปแบบการสร้างพระพุทธรูปทรงเครื่องในประเทศไทย 3) เพื่อบูรณาการ คตินิยม รูปแบบ สู่การสร้างสรรค์พระพุทธรูปทรงเครื่องต้นแบบ งานวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพและการพัฒนาพุทธนวัตกรรม
ผลการวิจัยพบว่า 1) คตินิยมและพัฒนาการสร้างพระพุทธรูปทรงเครื่องในพระพุทธศาสนา เกิดขึ้นครั้งแรกในอินเดีย สมัยคุปตะ เป็นพระพุทธรูปสวมเครื่องทรงกษัตริย์ โดยมีคตินิยมเรื่องจกฺรวรฺตินฺ ของพระพุทธศาสนานิกายมหายาน จึงมีการถวายเครื่องทรงกษัตริย์เพื่อประดับตกแต่งพระพุทธรูปเป็นพุทธบูชา ต่อมาอาศัยคตินิยมจากคัมภีร์ชมพูบดีสูตร ทำให้มีการสร้างพระพุทธรูปปางโปรดพระยาชมพู ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ในพม่า ล้านนา ล้านช้าง อยุธยา และเขมร
2) คติการสร้างพระพุทธรูปทรงเครื่องที่มีอิทธิพลในสังคมไทย มี 3 คติ คือ 1) คติจกฺรวรฺตินฺ ที่ว่าพระพุทธเจ้าทรงเป็นจักรพรรดิของจักรวาล 2) คตินิยมตามคัมภีร์ชมพูบดีสูตร 3) คตินิยมตามความเชื่อท้องถิ่นจากคัมภีร์จักรวาลทีปนี ที่นิยมสร้างพระพุทธรูปแทนตัวบุคคล
3) การสร้างสรรค์พระพุทธรูปทรงเครื่องต้นแบบบนฐานคติความเชื่อ 3 ประการ คือ คติจกฺรวรฺตินฺ คตินิยมตามความเชื่อในชมพูบดีสูตร และคตินิยมตามความเชื่อในท้องถิ่น ผสานกับศิลปะพระพุทธรูปทรงเครื่องต้นแบบ 3 แบบ คือ 1) พระพุทธรูปทรงเครื่องศิลปะล้านนา 2) พระพุทธรูปทรงเครื่องศิลปะอยุธยา 3) พระพุทธรูปทรงเครื่องศิลปะรัตนโกสินทร์ นำมาบูรณาการออกแบบพระพุทธรูปทรงเครื่องต้นแบบด้วยเครื่องพิมพ์สามมิติ
References
ณัฐฐา คุ้มแก้ว. (2552). “การศึกษาเชิงวิเคราะห์วรรณกรรมภาคใต้เรื่องพระยาชมพู.” วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต. สาขาวิชาจารึกภาษาไทย. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยศิลปากร.
ธนภัทร์ ลิ้มหัสนัยกุล. (2558). “ชมพูบดีสูตรในจิตรกรรมฝาผนังช่วงพุทธศตวรรษที่ 24 – 25.” วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยศิลปากร.
ผาสุข อินทราวุธ. (2530). พุทธศาสนาและประติมากรรม. นครปฐม: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยศิลปากร.
พระนิติพัฒน์ อุชุจาโร, พระอธิวัฒน์ รตนวณฺโณ, วิเคราะห์พระเจ้าทรงเครื่อง ในล้านนาตามแนวพุทธศิลป์.วารสาร มมร วิชาการล้านนา. 8(2), 37.
วีรวัฒน์ เหลี่ยมมณี. (2558). “เทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติในมุมมองคณิตศาสตร์.” เอกสารสืบเนื่องการประชุม.การประชุมวิชาการระดับชาติ ครั้งที่ 2 สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฎกำแพงเพชร22 ธันวาคม.
ศักดิ์ชัย สายสิงห์. (2564). “พระพุทธรูปทรงเครื่องต้นอย่างพระมหาจักรพรรดิงานช่างชั้นสูงในราชสำนัก.”ดำรงวิชาการ. 20(2), 34.
ศานติภักดีคํา. (2549). จิตรกรรมฝาผนังเรื่อง “ท้าวมหาชมพู” พระอุโบสถ วัดนางนองวรวิหาร. เมืองโบราณ. 32(3), 33
สุวัฒน์ วงษ์จำปา. (2565). 3D Printing สุดยอดนวัตกรรมทางเทคโนโลยีการพิมพ์ (ตอนที่ 1). [ออนไลน์]. แหล่งที่มา: https://www.scimath.org/article-technology/item/ 12478-3d-printing-1 [31 กรกฎาคม].
หอพระสมุดวชิรญาณ หลวงภัณฑลักษณวิจารย์ (โป๊ กิติโกเศศ). เรื่องท้าวมหาชมพู. พระนคร: โสภณพิพรรฒธนากร.
A.K. Warder. (1970). Indian Buddhism. Delhi: Motitae Banarsidass.
Dorothy H.Fickle. (2517). “Crowned Buddha Images In Southeast Asia.” ศิลปะและโบราณคดีในประเทศไทย เล่ม 1. ปราณบุรี: โรงพิมพ์ศูนย์กลางมหารราบค่ายธนะรัขต์.
Paul Mus. (1928). “Le Buddha Pare, Son Origine Indienne, Cakyamuni dans Ie Mohayaniame Miyen.” Bulletin de I’Ecole Francaise d’Extreme-Orient. XXVIII.
Rowland, Benjammin. (1961). “Bejewelled Buddha in Afghanistan.” Artibus Asiae. 24, no 1.
Thiripyanchai U Mya. (1959). “The Origin of the Jumbupati Image.” Report of the director of archaeology survey for the year ending. 30 September.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2023 วารสารพุทธศาสตร์ศึกษา
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.