ความเชื่อทางศาสนาของชาวม้ง
คำสำคัญ:
ความเชื่อ, ม้ง, ศาสนา, พิธีกรรมบทคัดย่อ
ชาวม้งส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ในเขตประเทศเอเชียยังรักษาความเชื่อดั้งเดิมของตนไว้เหนียวแน่น เนื่องจากความเชื่อทางศาสนาดั้งเดิมแฝงอยู่ในวิถีวัฒนธรรมทั้งหมดของตนตั้งแต่ในครอบครัว สังคม จนถึงสภาพแวดล้อม และคติความเชื่อตั้งแต่เกิดจนตาย รวมถึงวิถีการทำเกษตร ประเพณีพิธีกรรม ดังนั้น ความเชื่อดั้งเดิมยังมีอิทธิพลต่อการดำรงชีวิตของชาวม้ง แต่ส่วนหนึ่งได้รับเอาความเชื่อทางศาสนาอื่นๆ เช่น ศาสนาพุทธ ศาสนาคริสต์ โดยมีวัตถุประสงค์แตกต่างกัน คือ การนับถือศาสนาพุทธ กรณีประเทศไทยเกิดขึ้นจากปัญหาความมั่นคงทางการเมืองจากภัยคอมมิวนิสต์ รัฐบาลไทยได้จัดตั้งโครงการพระธรรมจาริกให้เป็นแกนนำสำคัญในการหล่อหลอมให้ชาวม้งนับถือศาสนา เพื่อลดปัญหาการเมืองและเป็นหนึ่งเดียวกันกับพลเมืองไทย ในขณะที่ศาสนาคริสต์ได้เข้ามาเผยแพร่ในกลุ่มชาวม้งตั้งแต่คริสตวรรษที่ 18 ในประเทศจีน และได้ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากการอพยพเข้ามาในประเทศไทย ลาว เวียดนาม และพม่า มีเป้าหมายหลักเพื่อขยายศาสนิกชนผ่านการช่วยเหลือในด้านการรักษาพยาบาล
อย่างไรก็ตาม ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่สามารถผสานกลมกลืนกับความเชื่อดั้งเดิมของชาวม้งได้เป็นอย่างดี ไม่ได้มีแนวคิดที่ขัดแย้งกับความเชื่อเรื่องผี การแบ่งแยกพื้นที่ทางสังคมในการประกอบพิธีกรรมกันอย่างชัดเจน ทำให้ศาสนาพุทธมีลักษณะกลมกลืนกับวิถีวัฒนธรรมของชาวม้ง ส่วนศาสนาคริสต์มีแนวคิดที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ในหมู่ชาวม้งส่วนใหญ่ในเอเชียก็ยังคงนับถือศาสนาแบบดั้งเดิม บางส่วนได้เปลี่ยนไปนับถือศาสนาพุทธก็ได้นำความเชื่อดั้งเดิมไปผสมผสานเข้าด้วยกัน ในขณะที่ชาวม้งจำนวนหนึ่งในต่างประเทศ ได้เปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์
References
คณะทำงานโครงการบัณฑิตอาสาพัฒนาชาวเขา (พระธรรมจาริก). (2544). สรุปการสัมมนาพระบัณฑิตอาสาพัฒนาชาวเขา (ธรรมจาริก) ครั้งที่ 1/2543. เชียงใหม่: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตเชียงใหม่.
ชนัญญา พวงทอง และกฤตานนท์ ท้าววัฒนากุล. (2562). “การศึกษาเปรียบเทียบการออกเสียงคำศัพท์ในภาษาจีนกลางและภาษาม้ง”. วารสารมังรายสาร. 7(1), 37.
ดารณี พลอยจั่น. (2559). “ทุนทางวัฒนธรรมของชาวเขาเผ่าม้งกับกลยุทธ์ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์”. วารสารวิชาการนวัตกรรมสื่อสารสังคม. 4(1), 12.
ปนัดดา บุณยสาระนัย. (2544). กลุ่มชาติพันธุ์ส่วนน้อยในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์. เชียงใหม่: โชตนาพริ้น จำกัด.
ปัทมาพร เอี่ยมสังวาลย์. (2554). ความเชื่อเรื่องผีกับการรักษาความเจ็บป่วยของชาวม้ง: กรณีศึกษา หมู่บ้านเข็กน้อย อาเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์. ศิลปศาสตรบัณฑิต. คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
ประสิทธิ์ ลีปรีชา และรัตนา ด้วยดี. (2563). “ม้งโปรเตสแตนต์กับความทันสมัยในเมืองเชียงใหม่”. วารสารมานุษยวิทยา. 3(2), 102-103.
ประสิทธิ์ ลีปรีชา. (2564). โครงการวิจัย ศิวิไลซ์ข้ามพรมแดน : การเผยแพร่ศาสนาคริสต์ข้ามชาติของชาวม้งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้. Retrieved 28 มกราคม 2564.http://www.cesd.soc.cmu.ac.th/wordpress/researches/researches_action/โครงการวิจัย-ศิวิไลซ์ข้
ปุณณดา ทรงอิทธิสุข และสุธิดา ทับทิมศร. (2561). “ประวัติศาสตร์จากคำบอกเล่าสู่ตำนาน ในวิถีวัฒนธรรมชุมชนม้ง”. รายงานสืบเนื่องการประชุมระดับชาติ ครั้งที่ 5. สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฎกำแพงเพชร, 16 กันยายน 2561.
พระไพศาล วิสาโล. (2546). พุทธศาสนาไทยในอนาคต แนวโน้มและทางออกจากวิกฤต. กรุงเทพมหานคร:มูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ์.
รัตนา ด้วยดี. (2560). ม้งคริสเตียนกับความทันสมัย. เชียงใหม่: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
สถาบันวิจัยชาวเขา. (2532). 30 ปีพระธรรมจาริก. กรุงเทพมหานคร: มูลนิธิเผยแพร่พระพุทธศาสนาแก่ชนถิ่นกันดาร.
สมัย สุทธิธรรม และสมชาย แสงเดช. (2530). หนังสือสารคดีชุดคนบนดอย เรื่องม้งหรือแม้ว. กรุงเทพมหานคร: เลิฟ. แลนด์ลิพเพรส.
Hmongism.org. (2013). Bylaws of the Temple of Hmongism. (published March 3).Gary Y. Lee.
Nicholas Tapp. (2010). Culture and Customs of the Hmong. California: ABC-CLIO, LLC.
Tapp, N.. (2009). “Plologue” in Clarke, S. R. (author). Among the tribesin south-west China. (Caravan Press).
The College of St. Scholastica. (1996). “Hmong Americans”. Cultural Aspects of Healthcare. (The College of St. Scholastica).
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2022 วารสารพุทธศาสตร์ศึกษา
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.