แนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวแบบมีส่วนร่วมบ้านใหม่ดงสำโรง ตำบลนาคำ อำเภอศรีเมืองใหม่ จังหวัดอุบลราชธานี
คำสำคัญ:
แนวทางการพัฒนา,, การท่องเที่ยวแบบมีส่วนร่วม, แหล่งท่องเที่ยวบ้านใหม่ดงสำโรงบทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาสภาพปัญหาของการท่องเที่ยวบ้านใหม่ดงสำโรง ตำบลนาคำ อำเภอศรีเมืองใหม่ จังหวัดอุบลราชธานี 2) เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวแบบมีส่วนร่วมบ้านใหม่ดงสำโรง ตำบลนาคำ อำเภอศรีเมืองใหม่ จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการสังเกตและเก็บรวบรวมข้อมูลจากการสัมภาษณ์เชิงลึกกับกับผู้ให้ข้อมูล คือ ปราชญ์ชาวบ้าน ผู้นำชุมชน นักท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ ชาวบ้าน และวิเคราะห์แนวทางการพัฒนาโดยการสนทนากลุ่มกับผู้เชี่ยวชาญจำนวน 8 คน ผลการวิจัยพบว่า ชุมชนบ้านใหม่ดงสำโรงเป็นชุมชนที่มีอาชีพหลักคือการทำไร่ ทำนา ทำสวน ประชาชนมีความสามัคคีและมีความเชื่อในหลักพระพุทธศาสนา ชุมชนมีพื้นที่สภาพทางภูมิศาสตร์ที่ประกอบด้วย ภูเขา ป่าไม้ ทำให้เกิดแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งประกอบด้วยภูอานม้า รอยเกวียนโบราณซึ่งเป็นเส้นทางการขนส่งสินค้าโบราณ และความสมบูรณ์ของธรรมชาติได้สร้างน้ำตกที่มีความสวยงามซึ่งเรียกว่า “น้ำตกโบกลึก” ชุมชนบ้านใหม่ดงสำโรงประสบปัญหาในการจัดการท่องเที่ยวคือสภาพของแหล่งท่องเที่ยวทรุดโทรม เช่น การตัดไม้ทำลายป่า การใช้สารเคมีทางการเกษตร การทิ้งขยะ การจำหน่ายของมึนเมาในแหล่งท่องเที่ยวและปัญหาการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้นยังพบปัญหาความเชื่อมโยงระหว่างหน่วยงานรัฐ ผู้ประกอบการ และประชาชนหรือนักท่องเที่ยวจึงจำเป็นต้องมีการพัฒนาการท่องเที่ยวแบบบูรณาการระหว่าง 3 หน่วยงาน เพื่อให้เกิดการพัฒนาแบบมีส่วนร่วมอย่างยั่งยืน แนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวแบบมีส่วนร่วมบ้านใหม่ดงสำโรง ตำบลนาคำ อำเภอศรีเมืองใหม่ จังหวัดอุบลราชธานี ควรดำเนินการดังนี้ 1) ชุมชนเป็นเจ้าของ ควรสร้างความตระหนักถึงความสำคัญและการสำนึกถึงความเป็นเจ้าของ ทั้งนี้การถ่ายทอดองค์ความรู้ทางประวัติศาสตร์มีความสำคัญเพื่อให้คนรุ่นหลังรู้สึกหวงแหนและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 2) ชาวบ้านเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางและตัดสินใจ ควรอนุรักษ์แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์เพื่อไม่ให้เกิดความเปลี่ยนแปลง และเชื่อมโยงกับการการเกษตรในพื้นที่ โดยให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการและดูแลพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวและการดูแลอย่างอย่าง 3) ส่งเสริมความภาคภูมิใจในตนเอง ควรพัฒนาควบคู่กับการอนุรักษ์วิถีชีวิตวัฒนธรรม และการจัดกิจกรรมเพื่อแสดงถึงเอกลักษณ์วัฒนธรรมของชุมชน ให้ประชาชนเกิดความรู้สึกหวงแหนพื้นที่และสร้างความภาคภูมิใจในความเป็นตัวตนของตนเอง และคำนึงถึงเอกลักษณ์ของสภาพแวดล้อมและวัฒนธรรมท้องถิ่น4) ยกระดับคุณภาพชีวิต ควรส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างเป็นรูปธรรมโดยมีการประชาสัมพันธ์ร่วมกับหน่วยงานรัฐและสามารถทำได้โดยการจัดให้มีเทศการการท่องเที่ยวประจำปี เพื่อเป็นการกระจายรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน 5) สร้างความยั่งยืนทางด้านสิ่งแวดล้อม ควรสร้างความร่วมมือระหว่างชุมชนและองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น การปลูกป่าทดแทน การสร้างฝ่ายกั้นน้ำ การรณรงค์การกำจัดขยะ 6) สร้างการเรียนรู้ระหว่างคนต่างวัฒนธรรม การศึกษาถึงความเปลี่ยนแปลงโดยการจดบันทึกและการศึกษาโดยการองค์ความรู้ความเข้าใจในการบริหารจัดการ และเคารพในวัฒนธรรมที่แตกต่างและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ การจัดการท่องเที่ยวแบบมีส่วนร่วมมีความจำเป็นต้องยึดหลักความเข้าในในวัฒนธรรมที่แตกต่างกันและต้องให้ความเคารพในวัฒนธรรมและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และความรู้ความเข้าใจในวัฒนธรรมนั้น 7) การมีส่วนร่วมและเกิดผลตอบแทนที่เป็นธรรมแก่คนท้องถิ่น ควรจัดกิจกรรมอย่างเป็นรูปธรรมและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดการประชาสัมพันธ์และการส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับจังหวัด เช่น จัดเป็นเทศการการท่องเที่ยวประจำปี 8) มีการกระจายรายได้สู่สาธารณประโยชน์ของชุมชน การจัดกิจกรรมที่เป็นประโยชน์และให้เกิดการมีส่วนร่วมอย่างเป็นธรรม มีการพัฒนาพื้นที่การท่องเที่ยวให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี มีการจัดระเบียบสถานที่ท่องเที่ยว ร้านค้า ความสะอาด และการบริการระบบสาธารณูปโภค เช่นห้องน้ำ ถังขยะ เป็นต้น
References
กรรณิการ์ ชมดี. (2524). การมีส่วนร่วมของประชาชนที่มีผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ: ศึกษาเฉพาะกรณีโครงสร้างสารภี ตำบลท่าช้าง อำเภอวารินชาราบ จังหวัดอุบลราชธานี. วิทยานิพนธ์สังคมสงเคราะห์ศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการบริหารสังคม, บัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
กนิษฐา อุ่ยถาวรและคณะ. (2555). การจัดการการท่องเที่ยวเชิงนิเวศโดยการมีส่วนร่วมของชุมชนบริเวณ อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง สาขาหนองแม่นา จังหวัดเพชรบูรณ์. เชียงใหม่ :สำนักงานกองทุน สนับสนุนการวิจัย สำนักงานภาค.
ชูสิทธิ์ ชูชาติ. (2553). อุตสาหกรรมท่องเที่ยว. โปรแกรมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว. สถาบันราชภัฎเชียงใหม่.
ทิพวรรณ พุ่มมณี. (2550). อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว. (พิมพ์ครั้งที่ 4). สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
ไพรัตน์ เตชะรินทร์. (2527). ส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนา. กรุงเทพมหานคร : ศูนย์การศึกษานโยบาย สาธารณสุข มหาวิทยาลัยมหิดล.
ไพลินพันธ์ สร้อยจาตุรงค์. (2555). กลยุทธ์การส่งเสริมการท่องเที่ยวทางธรรมชาติแนวอนุรักษ์ อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ โดยใช้คู่มือการแนะนำเชิงนิเวศ. : กรณีศึกษา นักศึกษา
เสรี เวชบุษกร. (2538). สวนนันทนาการและสื่อความหมาย สำนักอุทยานแห่งชาติกรมอุทยานแหงชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช, สืบค้นเมื่อ 20 สิงหาคม 2559, จาก http://www.dnp.go.th/npo/html/Tour/
Eco_Tour.html.
สิศึก ฤทธิ์เนติกุลและคณะ. (2555). การท่องเที่ยวเชิงนิเวศกับการอยู่รอดของชุมชนชาวม้ง บ้านดอยปุย. อุทยาน แห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย จังหวัดเชียงใหม่. เชียงใหม่.
อุดรวงษ์ทับทิมและคณะ. (2552). ชุมชนกับการท่องเที่ยวเชิงนิเวศและวัฒนธรรมชุมชนตำบลแม่ฮี้อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน. เชียงใหม่ : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สำนักงานภาค).
CeballosLascurain. (1991). ความหมายของการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ. สืบค้นเมื่อ 8 มีนาคม 2559, จาก http://www.msu.ac.th.