การศึกษาวิสัยทัศน์และเป้าหมายของธุรกิจครอบครัวประเภทโรงแรมและที่พักในจังหวัดเชียงใหม่

บทคัดย่อ

บทคัดย่อ

            ธุรกิจด้านโรงแรมและที่พักเป็นธุรกิจที่มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั้งในด้านมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งธุรกิจด้านโรงแรมและที่พักส่วนใหญ่เป็นธุรกิจครอบครัว กล่าวคือเป็นธุรกิจที่บริหารงานโดยผู้ก่อตั้งและสมาชิกครอบครัวของผู้ก่อตั้งและมีการสืบทอดจากรุ่นหนึ่งไปยังอีกรุ่นหนึ่ง งานศึกษาวิจัยในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจำนวนมากชี้ให้เห็นว่าวิสัยทัศน์และเป้าหมายมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อแนวทางในการดำเนินธุรกิจครอบครัวโดยคุณลักษณะและเป้าหมายของธุรกิจครอบครัวในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวนั้นมีความแตกต่างจากผู้ประกอบธุรกิจอื่นๆ โดยทั่วไป แต่งานวิจัยที่ศึกษาเกี่ยวกับแรงจูงใจและเป้าหมายของธุรกิจด้านโรงแรมและที่พักนั้นยังมีน้อย ดังนั้นจุดมุ่งหมายของงานวิจัยนี้ เพื่อจะศึกษาแรงจูงใจและเป้าหมายก่อตั้งธุรกิจโรงแรมเป้าหมายในการบริหารธุรกิจโรงแรม และเป้าหมายของครอบครัวในการทำธุรกิจ รวมทั้งการสืบทอดธุรกิจ โดยกลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ประกอบการธุรกิจครอบครัวด้านโรงแรมและที่พักในจังหวัดเชียงใหม่จำนวน 63 คน

อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกมากกว่ากว่าสามทศวรรษโดยประเภทธุรกิจโรงแรมที่พักซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวนั้นส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่ดำเนินการโดยครอบครัว กล่าวคือ เป็นธุรกิจที่บริหารงานโดยเจ้าของ หรือเป็นของครอบครัวหนึ่งหรือสมาชิกในครอบครัว ดังนั้นธุรกิจครอบครัวในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวนั้นมีความสำคัญทางเศรษฐกิจ ทั้งทางจำนวนและมูลค่า แต่ทว่ายังมิได้รับการศึกษาทางวิชาการ และงานวิจัยเกี่ยวกับธุรกิจครอบครัวในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว อาทิเช่น กลุ่มธุรกิจโรงแรมและที่พักนั้น ยังไม่เป็นที่แพร่หลาย

          ผลการศึกษาพบว่าแรงจูงใจหลักในการก่อตั้งธุรกิจที่พักและโรงแรมคือต้องการรักษาอสังหาริมทรัพย์หรือธุรกิจให้เป็นของครอบครัวและต้องการมีความสุขกับวิถีชีวิตขณะที่เป้าหมายในการบริหารธุรกิจโรงแรมคือการส่งมอบสินค้าและบริการที่มีคุณภาพมีความสำคัญที่สุดและหลีกเลี่ยงการก่อให้เกิดหนี้ และเป้าหมายสูงสุดของครอบครัวในการทำธุรกิจคือมีรายได้เพียงพอในการเลี้ยงดูครอบครัว ส่วนวิสัยทัศน์และเป้าหมายโดยรวมของธุรกิจครอบครัวนั้นมิใช่เพื่อแสวงหาผลกำไรเป็นหลักซึ่งแตกต่างกับเป้าหมายขององค์กรธุรกิจทั่วไป ซึ่งแรงจูงใจและเป้าหมายของธุรกิจครอบครัวดังกล่าวนี้จะเป็นปัจจัยพื้นฐานของการสร้างความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจได้อย่างยั่งยืนผลการศึกษานี้ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยแรงจูงใจและเป้าหมายของธุรกิจครอบครัวในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอื่นๆในต่างประเทศ

Abstract 

Over the last three decades, tourism has become one of fastest growth industries in the world (World Travel and Tourism Council, 2009). Globally, provision of accommodation is dominated by family run businesses, owned or operated by members of a single family (Kanthan and Anjaneyaswamy, 2009; Zapalska and Brozik, 2007; Getz and Carlsen, 2005; Peters and Buhalis, 2004). Therefore, family businesses in the tourism and hospitality industry are significant in terms of both numbers and economic value but have justrecently been researched by academics. However, few academic researches on family run hotels in Thailand, where the empirical work was carried out, have been reported. 

The visions and goals are crucial in deciding the direction of the business for family business (Chua และคณะ, 1999). Several studies of business owners within the tourism industry have identified the prominence of characteristics and goals which are different from traditional entrepreneurship (Morrison, 2006; Getz, Carlsenand Morrison, 2005; Getz and Carlsen, 2000; Gartner, 1990; Carland,Hoy, Boulton, and Carland,1984). Therefore, the aim of this research is to examine family and owner-operated businesses’ goals: start-up, operation, the family, and the succession of the enterprise.

The significant results show that the primary motivations for starting a hotel business were keeping the property or business in the family and enjoying a good lifestyle. The goals pertaining to the operation of the business identified the delivery of a high quality product/service is a high priority and ‘It is best to avoid debt as much as possible’. The respondents’ highest family related goal is to ‘earn enough to support the family’.   The overall visions and goals of family run hotels are not profit oriented but support previous research demonstrated that lifestyle and autonomy factor were predominant in tourism and hospitality sectors (Peters และคณะ, 2009; Getz และคณะ, 2005; Nilsson และคณะ., 2003; Andersson และคณะ., 2002; Ateljevic and Doorne, 2000; Getz and Carlsen ,2000).