การออกแบบแนวทางการสื่อสารกับครอบครัวเด็กพิเศษเพิ่มการเห็นคุณค่าภายในตนผ่านกิจกรรมการสื่อสารจากหัวใจผ่านสมองเพื่อเยียวยาเรา (Heart Head Heal Model)
Main Article Content
บทคัดย่อ
งานวิจัยเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลส่วนบุคคล สถานภาพทางสังคม ทัศนคติการทำหน้าที่ของครอบครัว 2) เพื่ออธิบายปัจจัยที่ส่งผลกระทบการสื่อสารภายในตนผ่านการเห็นคุณค่าภายในตน และ 3) เพื่อนำปัจจัยทางสื่อสารมาออกแบบการสื่อสารที่เหมาะสมได้ด้วยตนเอง
งานวิจัยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพดำเนินการวิจัยตามขั้นตอนการออกแบบกระบวนการเรียนรู้ และพัฒนาอย่างเป็นระบบ (ADDIE Model) ในการเก็บข้อมูลใช้สัมภาษณ์เชิงลึก กับกลุ่มผู้ให้ข้อมูลสำคัญที่เป็นครอบครัวที่มีลูกเป็นเด็กพิเศษจำนวน 8 คน
ผลการวิจัยพบว่าปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการสื่อสารของกลุ่มตัวอย่างมีทั้งปัจจัยภายในและภายนอก การสื่อสารภายในตนเองของกลุ่มตัวอย่าง ส่งผลต่อการยอมรับความแตกต่าง ซึ่งเป็นการเพิ่มคุณค่าภายในตนของครอบครัวเด็กพิเศษ แนวทางการสื่อสารจากหัวใจผ่านสมองเพื่อเยียวยาเรา (Heart Head Heal Model) นำเสนอการเพิ่มข้อมูลเพื่อปรับทัศนคติสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ซึ่งต้องใช้เวลาและขั้นตอนในการยอมรับที่แตกต่างกัน การสื่อสารสามารถเป็นช่องทางในการให้ความรู้ สร้างความเข้าใจ และสร้างการยอมรับให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น ทั้งนี้ผู้วิจัยยังพบว่า ผู้ปกครองครอบครัวเด็กพิเศษจะสามารถสร้างภูมิคุ้มกัน และความเข้มแข็งภายในครอบครัวจากการสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความกดดันจากสังคมอย่างเข้าใจ และสร้างสรรค์ เพื่อสนับสนุนให้ผู้ปกครองสามารถพัฒนาศักยภาพลูกที่เป็นเด็กพิเศษได้อย่างมีนัยสำคัญ
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ข้อความและความเห็นในวารสารนิเทศศาสตร์และนวัตกรรม นิด้า เป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน มิใช่ของคณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
เอกสารอ้างอิง
กุลกนก จั้นวันดี, สำราญ กำจัดภัย และธนานันต์ กุลไพบุตร. (2561). การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ตามหลักการออกแบบของ ADDIE Model ร่วมกับการออกแบบการเรียนรู้แบบย้อนกลับ เรื่องหลักการทำโครงงานคอมพิวเตอร์วิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3. วารสารวิชาการหลักสูตรและการสอน มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร, 10(27), 125-134. https://gsmis.snru.ac.th/e-thesis/file_att1/2018021958421228122_fulltext.pdf
จิราภา ศรีรัตน์, ประนอม รอดคำดี และสุนิศา สุขตระกูล. (2561). ประสบการณ์ของมารดาเด็กออทิสติกวัยเรียนที่รับรู้การถูกตีตรา. วารสารพยาบาลทหารบก, 19(2), 211-219. https://he01.tci-thaijo.org/index.php/JRTAN/article/view/144005
จิรัฐกาล พงศ์ภคเธียร. (2553). จิตตปัญญาศึกษา: การเรียนรู้สู่จิตสำนึกใหม่. แปลนพริ้นติ้ง.
ชัชวาล ศิลปะกิจ. (2563). ดำเนินชีวิตอย่างมีสติ. พิมพ์ดี.
ฐนิสา ศิริภาคย์. (2561). การสื่อสารภายใน พฤติกรรมผู้รับบริการ และพฤติกรรมต่อต้านการบริการของพนักงานในธุรกิจอาหาร. [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์]. TU Digital Collections. 10.14457/TU.the.2017.700
ฐาณารัตน์ สุธนากุลวิทย์. (2558). มิติภายใน กระบวนกร และการลับมีด. บทความการประชุมวิชาการประจำปีจิตตปัญญาศึกษา (ครั้งที่ 7). บ.วี.พริ้นท์ (1991) จำกัด.
ดวงใจ พันธภาค และปริชวัน จันทร์ศิริ. (2553). ระดับความเครียดและปัจจัยที่เกี่ยวข้องของบิดามารดาเด็กออทิสติกที่นำบุตรเข้ารับการรักษาที่แผนกผู้ป่วยนอก สถาบันราชานุกูล. Chulalongkorn Medical Journal, 57(2), 223–38. https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/32229
ดาราวรรณ ต๊ะปินตา. (2558). การให้การปรึกษาโดยการปรับความคิดและพฤติกรรม. พยาบาลสาร, 42 (พิเศษ), 205-213. https://he02.tci-thaijo.org/index.php/cmunursing/article/view/57278
ตวงรัก จิรวัฒนรังสี. (2558). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรมของผู้ชมที่มีต่อภาพความรุนแรงในสื่อ: ศึกษาผ่านภาพยนตร์เรื่อง Funny Games U.S.(2007). [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์]. TU Digital Collections. 10.14457/TU.the.2015.533
เพชรรัตน์ พงษ์เจริญสุข (แปล). (2562). ว่าด้วนสุนทรียสนทนา: On Dialogue by David Bohm. สวนเงินมีมา.
นวลฉวี ประเสริฐสุข. (2558). สื่อสารอย่างสร้างสรรค์เพื่อสร้างสุขในครอบครัว. Veridian E-Journal, Silpakorn University ฉบับภาษาไทย สาขามนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปะ, 8(2), 737-747. https://he02.tci-thaijo.org/index.php/Veridian-E-Journal/article/view/38603
นัยนา บูรณชาติ. (2558). การเดินชีวิตด้านในของผู้ดูแล. บทความการประชุมวิชาการประจำปีจิตตปัญญาศึกษา (ครั้งที่ 7). บ.วี.พริ้นท์ (1991) จำกัด.
เนตรนิยมาศ วรรณพยันต์. (2563). จิตตปัญญาศึกษากับการปรับตัวของผู้เรียนในยุค Disruptive Innovation Contemplative Education and Adaptation of Learners in Disruptive Innovation Era. วารสารการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 27(1), 18-31. https://so02.tci-thaijo.org/index.php/jemmsu/article/view/241549/168262
ปราณี ศรีวรรณ, นุจรี ไชยมงคล และยุนี พงศ์จตุรวิทย์. (2560). ความสัมพันธ์ระหว่างการทำหน้าที่ของครอบครัวกับทักษะชีวิตของเด็กพิเศษที่มีความบกพร่องด้านบุคลิกภาพ. วารสารแพทย์นาวี, 44(2), 37-53. https://he01.tci-thaijo.org/index.php/nmdjournal/article/view/114598? articlesBySameAuthorPage=3
พระมหาโยธิน โยธิโก. (2562). การจัดการขันธ์ 5 เพื่อแก้ปัญหาและพัฒนามนุษย์ในพระพุทธศาสนา. [วิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต, มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย]. e-Thesis Central Library Mahachulalongkornrajavidyalaya University. https://e-thesis.mcu.ac.th/thesis/150
ภฤศดี สุขพ่วง, นวรัฐ จันทร์สุข, เสถียร อำพันโรจนานันท์, สงพงษ์ เผือกเอี่ยม, อภิชัย เทิดเทียนวงษ์ และสุภาภรณ์ เทิดเทียนวงษ์. (2558). การเกื้อหนุนผู้เรียนตามบุคลิกภาพในการเรียนรู้ผ่านการแก้ไขปัญหา: บุคลิกภาพแบบคนธาตุน้ำ. รวมบทความการประชุมวิชาการประจำปีจิตตปัญญาศึกษา (ครั้งที่ 7). บ.วี.พริ้นท์ (1991) จำกัด.
ภาสกร คุ้มศิริ และอุ่นเรือน เล็กน้อย. (2560). บทความฟื้นฟูวิชาการ: โรคสมาธิสั้นและการตีตราบาปทางสังคม. วารสารสมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย, 7(3), 302-311. http://www.ayhosp .go.th/ayh/images/Knowledge/JOMAT/jomat-y07v03s06.pdf
ภัทรพงษ์ ธำมรงค์ปรีชาชัย. (2565). การประยุกต์ใช้ความเมตตากรุณาต่อตนเองเพื่อส่งเสริมการมีชีวิตอยู่ด้วยปัญญา. วารสารมหาวิทยาลัยศิลปากร, 42(6), 1-13. https://doi1.nrct.go.th/ListDoi/ listDetail?Resolve_DOI=10.14456/sujthai.2022.42
มุกดา ศรียงค์. (2550). จิตวิทยาเพื่อการติดต่อสื่อสารและเข้าใจผู้อื่น. วารสารวิชาการศึกษาศาสตร์, 8(2), 11-17. https://ejournals.swu.ac.th/index.php/jedu/article/view/550/542
มนัสวี ศรีนนท์. (2561). ทฤษฎีเจเนอเรชันกับกรอบวิธีคิด. วารสารศึกษาศาสตร์ มมร, 6(1), 364-373. https://yri.mbu.ac.th/2022/01/14/%E0%B8%97%E0%B8%A4%E0%B8%A9%E0%B8%8E%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A/
มธุวดี อิงศิโรรัตน์. (2561). ความรู้และทัศนคติของผู้ปกครองเด็กกลุ่มอาการออทิซึมในโรงพยาบาลอุดรธานี. วารสารการแพทย์โรงพยาบาลอุดรธานี. 26(2), 108-118. https://he02-old.tci-thaijo.org/index.php/udhhosmj/article/view/159182/115147
เมย์ลภัส บุญสิทธิ์วิจิตร. (2558). จาการเขียนสู่วิถีปฏิบัติแห่งการใคร่ครวญด้านใน. บทความการประชุมวิชาการประจำปีจิตตปัญญาศึกษา (ครั้งที่ 7). บ.วี.พริ้นท์ (1991) จำกัด.
ยุกติ มุกดาวิจิตร. (2560). ประชาสังคมไซเบอร์: กิจกรรมสังคม-การเมืองและการก่อตัวของขบวนการประชาชนในเวียดนามปัจจุบัน. วารสารสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา, 36(2), 95-96. https://socanth.tu.ac.th/wp-content/uploads/2018/03/JSA-36-2-yukti.pdf
รัตนะ บัวสนธ์. (2560). ปรัชญาวิจัย. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สตางค์ ศุภผล. (2560). การประยุกต์ใช้จิตตปัญญาศึกษาในบริบทแพทยศาสตรศึกษา: บทบรรณาธิการ. บทความวิชาการ. ธรรมศาสตร์เวชสาร, 12(3), 280-286. https://r.search.yahoo.com/_ylt=AwrjeczNFyRlSPE477NXNyoA;_ylu=Y29sbwNncTEEcG9zAzEEdnRpZAMEc2VjA3Ny/RV=2/RE=1696893005/RO=10/RU=https%3a%2f%2fhe02-old.tci-thaijo.org%2findex.php%2ftmj%2farticle%2fdownload%2f994 04%2f77251%2f/RK=2/RS=4gu.On_s0SHxRPV_3U3jKVMIFzI-
สุทธานันท์ กัลกะ. (2561). การช่วยเหลือเด็กออทิสติก : กรณีศึกษา. Rama Nurse Journal, 24(2), 227-238. https://nursing.iserl.org/bcn/index.php/researcher/Profile/acd_popup/985
สุริชัย หวันแก้ว. (2550). คนชายขอบ: จากความคิดสู่ความจริง. บ.แอคทีฟ พริ้นท์.
ธเนตร ตัญญวงษ์, (2554). ผลของกิจกรรมนันทนาการเพื่อเสริมสร้างการเห็นคุณค่าในตนเองของเด็กกำพร้าที่ได้รับผลกระทบจากเอดส์ บ้านแกร์ด้า จังหวัดลพบุรี. [วิทยานิพนธ์ปริญญาหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยศรีนคริทรวิโรฒ]. http://thesis.swu.ac.th/swuthesis/Rec_Man/Tanet_T.pdf
ธนา นิลชัยโกวิทย์, อดิศร จันทรสุข. (2559). ศิลปะการจัดกระบวนการเรียนรู้เพื่อการเปลี่ยนแปลง คู่มือกระบวนการจิตตปัญญาศึกษา. ภูสายแดด.
ธัญญชล บุญยิ้ม. (2555). ปัจจัยที่มีผลต่อกระบวนการยอมรับระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี. [วิทยานิพนธ์ปริญญาหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี]. http://www.repository.rmutt.ac.th/handle/123456789/1160
อรวรรณ ปิลันธน์โอวาท. (2554). การสื่อสารเพื่อการโน้มน้าวใจ. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว. (2560). นโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาสถาบันครอบครัว พ.ศ. 2560-2564. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์. https://fliphtml5.com/ vmpw/odip/basic/
Becker, G. & Arnold, R. (1986). The dilemma of difference: A multicultural view of stigma. Plenum Pess.
Bolton, G. (2014). Reflective practice: writing and professional development. (4th ed.). Sage.
Bommelje, R. (2012). The listening circle: Using the SBI model to enhance peer feedback. International Journal of Listening, 26(2), 67-70. https://doi.org/10.1080/10904 018.2012.677667
Glenn, R.S. (2016). The self-esteem workbook. New Haribinger Publications, Inc.
LaRossa, R. & Reitzes, D.C. (1993). Symbolic interactionism and family studies. In P.B. Boss, W.J. Doherty, R. LaRossa, W.R. Schumm & S.K. Steinmetz (Eds.), Sourcebook of family theories and methods: A contextual approach. Plenum Press. https://doi.org/10.1007/978-0-387-85764-0_6
Nathaniel, B. (1987). How to raise your self-Esteem. Oh My God Publishing.
Scharmer, C.O. (2016). Theory U: Leading from the future as it emerges: The social technology of presencing. Berrett-Koehler.
Vickery, A.J., Keaton, S.A. & Bodie G.D. (2015). Intrapersonal communication and listening goals: An examination of attributes and functions of imagined interactions and active-empathic listening behaviors. Southern Communication Journal, 80(1), 20-38. https://doi.org/10.1080/1041794X.2014.939295.
Weitzel, S.R. (2003). Feedback that works: How to build and deliver your message. Center for Creative Leadership, Inc.