การสร้างสรรค์สื่อรณรงค์แบบมีส่วนร่วมเพื่อสร้างความเข้าใจและลดปัญหาการเสพน้ำกระท่อมในกลุ่มเยาวชนพื้นที่เสี่ยงของจังหวัดสงขลา
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวทางการสร้างสรรค์ การผลิตสื่อและทดสอบประสิทธิภาพสื่อรณรงค์แบบมีส่วนร่วมเพื่อสร้างความเข้าใจและลดปัญหาการเสพน้ำกระท่อมในกลุ่มเยาวชนอำเภอเทพา จังหวัดสงขลา โดยใช้รูปแบบการวิจัยเชิงปฏิบัติการ เก็บข้อมูลแบบจำเพาะเจาะจง 3 กลุ่มตัวอย่าง คือ การสัมภาษณ์กลุ่มนักเรียน ผู้ปกครอง ผู้นำในชุมชน และศูนย์บำบัดยาเสพติด จำนวน 47 คน การปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมในผลิตสื่อของกลุ่มเยาวชน อาสาสมัคร 30 คน และการทดสอบประสิทธิภาพสื่อกับกลุ่มตัวอย่างนักเรียน จำนวน 400 คน ใน 5 โรงเรียนของพื้นที่อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา ผลการวิจัยพบว่า สื่อที่เหมาะสำหรับการรณรงค์ต้องเป็นสื่อที่สามารถตอบสนองความต้องการของเยาวชนในที่พื้นที่ โดยเฉพาะสื่อสังคมออนไลน์ที่มีเนื้อหาสื่อต้องนำเสนอเกี่ยวกับวิธีการป้องกันตนเองจากการติดน้ำกระท่อมและการช่วยเหลือเยาวชนที่เคยติดน้ำกระท่อมให้สามารถกลับมาอยู่ในสังคมได้ โดยมุ่งหวังให้ผู้รับสารมีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับอัตลักษณ์ส่วนบุคคลของผู้ดื่มน้ำกระท่อม และลบล้างอัตลักษณ์ทางสังคมแบบผิดๆ เกี่ยวกับน้ำกระท่อม สำหรับการผลิตสื่อนั้นต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกกระบวนการตั้งแต่การวางแผน ออกแบบ ผลิตสื่อและเผยแพร่ โดยให้กลุ่มเยาวชนเป็นแกนหลักและกลุ่มผู้ใหญ่เป็นผู้สนับสนุน โดยสื่อที่ผลิตในครั้งนี้ ได้แก่ สื่อแฟนเพจที่นำเสนอทั้งภาพนิ่ง คลิปวิดีโอ หนังสั้น และมิวสิควิดีโอ จากการทดสอบอิทธิพลของสื่อกับเยาวชนในพื้นที่ พบว่าสื่อมีผลต่อความเข้าใจและลดปัญหาการเสพน้ำกระท่อมของผู้รับชมค่อนข้างต่ำมาก (r = 0.040) แต่เมื่อพิจารณารายข้อพบว่าการได้สิทธิ์ร่วมในสื่อ (β=.148) และการได้สร้างประเด็นร่วมกัน (β=.103) แม้ว่าผลสัมฤทธิ์จากการเข้ารับชมสื่อจะมีอิทธิพลต่อความเข้าใจและลดปัญหาการเสพน้ำกระท่อมน้อยมาก แต่ความเข้าใจและลดปัญหาการเสพน้ำกระท่อมของกลุ่มชาวบ้านและเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการในทุกๆ ขั้นตอน กลับให้ผลที่ดีมาก ซึ่งผู้เข้าร่วมกระบวนการทั้งหมดมีความกระตือรือร้นและตระหนักว่าปัญหาการติดน้ำกระท่อมเป็นปัญหาของส่วนรวมทุกคนต้องช่วยกันป้องกันและแก้ไขปัญหา และเป็นสิ่งที่จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้เด็กและเยาวชนให้มีทัศนคติห่างไกลน้ำกระท่อมได้
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ข้อความและความเห็นในวารสารนิเทศศาสตร์และนวัตกรรม นิด้า เป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน มิใช่ของคณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
เอกสารอ้างอิง
กิตติวงค์ สาสวด และปรีชา ดิลกวุฒิสิทธิ์. (2559). การพัฒนารูปแบบการป้องกันการแพร่ระบาดของยาเสพติดในกลุ่มเด็กและเยาวชนในเขตพื้นที่เทศบาล อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา. วารสารชุมชนวิจัย. 10(1).116-124.
ดารารัตน์ สาธรพันธ์. (11 กันยายน 2562). รายงานการตรวจราชการระดับจังหวัด ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 คณะที่ 2 การพัฒนาระบบบริการ (Service Plan) หัวข้อ ยาเสพติด. สืบค้นเมื่อ 13 กันยายน 2562. จาก bie.moph.go.th › e-insreport › file_report
ทรัมอัพมีเดีย. (2560). แนะกลวิธีสร้างสื่อโฆษณาให้โดนใจวัยรุ่น Gen Z จากงานวิจัยผู้บริโภคล่าสุด AdReaction 2017. สืบค้นเมื่อ 12 มีนาคม 2562. จาก https://www.thumbsup.in.th/adreaction-2017
ไทยบีพีเอส. (15 กุมภาพันธ์ 2555). “วัยรุ่นกับสื่อ : ภาพสะท้อนผู้ใหญ่ในอนาคต”. สืบค้นเมื่อ 6 กันยายน 2562. จาก https://www.citizenthaipbs.net/node/12548
นิษฐา หรุ่นเกษม นิศรารัตน์ วิไลลักษณ์ และ ปรัชญา ทองชุม. (2563). การออกแบบสารรณรงค์ผ่านสื่อออนไลน์เพื่อควบคุมการบริโภคยาสูบ. มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี. 11(2). 50-63.
นันท์ชนก วงษ์สมุทร. (28 พฤษภาคม 2560). ยาเสพติด: อีกภัยร้ายของคนปลายด้ามขวาน. สืบค้น 8 กันยายน 2562 จาก http://www.bbc.com/thai/thailand-40075113
บุบผา บุญญามณี และคณะ. (2559). เหตุผลของการเสพยาเสพติดประเภทสี่คูณร้อยและยาบ้าหรือกัญชาในผู้ป่วยยาเสพติดที่เข้ารับการบำบัดรักษาในโรงพยาบาลธัญญารักษ์สงขลาและปัตตานี. สงขลา : โรงพยาบาลธัญญารักษ์สงขลา.
ปรมะ สตะเวทิน. (2546). หลักนิเทศศาสตร์. กรุงเทพฯ : ภาพพิมพ์.
พวงชมพู ไชยอาลา แสงรุ่งเรืองโรจน์. (2556). การสื่อสารแบบมีส่วนร่วม: กลไกในขับเคลื่อนแนวคิดสู่การปฏิบัติ ภายใต้กระบวนทัศน์การพัฒนาแบบทางเลือก. มนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์. 30(2). 23-42.
รณกฤต จิตต์ธรรม (2563). การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดโดยการมีส่วนร่วมของประชาชนในชุมชนปู่เย็นย่าคำ ยังอยู่ แขวงหลักสอง เขตบางแค กรุงเทพมหานคร. สารนิพนธ์รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยสยาม.
รชดี บินหวัง และเกษตรชัย และหีม. (2559). สภาพและปัญหาในการจัดการปัญหายาเสพติดในกลุ่มเยาวชนไทย มุสลิมชุมชนบ้านดอนขี้เหล็ก ตำบลพะวง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา. วารสารพัฒนบริหารศาสตร์. 56 (1/2559): 1-33.
ว้อยซ์ทีวีออนไลน์. (26 พฤษภาคม 2560). ผลสำรวจพบเด็กไทยติดสื่อออนไลน์สูงกว่าค่าเฉลี่ยโลก 3 ชม. สืบค้น เมื่อ 10 กันยายน 2562. จาก https://www.voicetv.co.th/read/Sy22rxL9G
วินัย ดะห์ลัน. (2560). อย่าปล่อยให้น้ำกระท่อมและสี่คูณร้อยทำลายศาสนาและสังคม. สืบค้นเมื่อ 10 กันยายน 2562. จาก https://deepsouthwatch.org/th/node/10636
สุไหวด๊า บุหลาด. (2558). ประสบการณ์ผู้ติดยาเสพติด 4x100 ของวัยรุ่นในตำบลแห่งหนึ่งของจังหวัดกระบี่. พิฆเนศวร์สาร. 11(2). 41-49.
สมนึก บุญสุภา. (2 ตุลาคม 2559). กระท่อม .. พืชที่ทุกคนอยากรู้. สืบค้นเมื่อ 10 กันยายน 2562. จาก https://www.pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/354/กระท่อม
Haley, R. I., & Baldinger, A. I. (1991). The ARF copy research validity project. Journal of Advertising Research, 31(3), 11-32.
Mary Shaw. (2017). Social Media Design Tips. Retrived May 29, 2019, from
McQuail, D. (1994). Mass communication theory and introduction. London, Thousand Oaks, New Delhi: SAGE.
Rasila, BN & Mudau, J., (2012). Effective communication as a strategic tool for rural development: A model to take South African Government beyond mobilization and consultation through public participation. Journal of Media and Communication Studies. 4(7), 134-141.
Rogers, Everette M. (1979). Communication Campaign. New York: The Free Press.