รูปแบบการเผยแพร่สื่อละครทางโทรทัศน์เรื่อง บุพเพสันนิวาส ที่มีประสิทธิภาพมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวในการเดินทางมาท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่วัดไชยวัฒนาราม เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนที่มีประสิทธิผล
Main Article Content
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษารูปแบบการเผยแพร่สื่อละครทางโทรทัศน์เรื่อง บุพเพสันนิวาส ที่มีประสิทธิภาพมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวในการเดินทางมาท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่วัดไชยวัฒนารามเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนที่มีประสิทธิผล มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษารูปแบบการเผยแพร่สื่อละครทางโทรทัศน์ที่มีประสิทธิภาพเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนที่มีประสิทธิผล รูปแบบการรับรู้ที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการเดินทางมาท่องเที่ยววัดไชยวัฒนาราม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และเพื่อศึกษาปัจจัยสิ่งแวดล้อมทางกายภาพ ความสามารถของนักแสดง ประชากรและการสุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ 400 คน จากวิธีการสุ่มแบบเจาะจง โดยกลุ่มตัวอย่าง คือ นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่วัดไชยวัฒนาราม ตัวแปรในการศึกษา ตัวแปรต้น ได้แก่ ปัจจัยส่วนบุคคล ประกอบด้วย เพศ อายุ ระดับการศึกษา อาชีพ รายได้ สถานภาพ ตัวแปรตาม ได้แก่ รูปแบบการเผยแพร่สื่อละครทางโทรทัศน์ที่มีประสิทธิภาพ การศึกษาพฤติกรรมในการเดินทางมาท่องเที่ยววัดไชยวัฒนาราม เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน ใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือการวิจัย สถิติที่ใช้วิเคราะห์ผลข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์ค่าความแปรปรวน t-test และ One Way ANOVA ผลการวิจัยสรุป (1) สมมุติฐานปัจจัยด้านประชากรศาสตร์ พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ เป็นเพศหญิง (ร้อย ละ 61.30) อายุ 30-39 ปี (ร้อยละ 32.00) สถานภาพสมรสโสด (ร้อยละ 50.30) การศึกษาระดับปริญญาตรี (ร้อยละ 42.80) อาชีพค้าขาย/ประกอบธุรกิจส่วนตัว (ร้อยละ 27.50) และรายได้ 10,000-20,000 บาท (ร้อยละ 38.30) (2) กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ มีรูปแบบละครโทรทัศน์ที่นำเสนอที่ชอบดูมากที่สุด คือ ละครเรื่องยาว 30 ตอนจบ (ร้อยละ 59.30) ประเภทเนื้อหาของละครโทรทัศน์ที่ชอบดูมากที่สุด คือ ละครตลกเบาสมอง (ร้อยละ 31.80) จำนวนวันที่รับชมละครโทรทัศน์กี่วันต่อสัปดาห์ คือ ทุกวัน (ร้อยละ 39.80) ช่วงเวลาที่เปิดรับชมละครโทรทัศน์มากที่สุด คือ 18.01-22.30 น. (ร้อยละ 85.80) ชื่อเรื่องละครเกี่ยวประวัติศาสตร์ที่รับชมมากที่สุด คือ บุพเพสันนิวาส (ร้อยละ 91.00) และ ประโยชน์ที่ได้รับจากละครโทรทัศน์ คือ ทำให้ผ่อนคลายจากการทำงาน (ร้อยละ 26.50) (3) ระดับพฤติกรรมในการเดินทางมาท่องเที่ยววัดไชวัฒนาราม เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน โดยรวมมีคะแนนเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด (4) ระดับปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมของตัวละครโดยรวมมีคะแนนเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด
Article Details
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารบริหารธุรกิจและสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใดๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารบริหารธุรกิจและสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารบริหารธุรกิจและสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำบทความทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อ หรือเพื่อกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากวารสารบริหารธุรกิจและสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ก่อนเท่านั้น
เอกสารอ้างอิง
กิติมา สุรสนธิ. (2546). ความรู้ทางการสื่อสาร. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
ปรัชญา เปี่ยมการุณ. (2549). ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกรับชมละครโทรทัศน์. รายงานโครงการเฉพาะบุคคลวารสารศาสตรมหาบัณฑิต, กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
เมทินี ทองศรีเกตุ. (2556). พฤติกรรมการดูละครทางโทรทัศน์ของวัยรุ่นไทย. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยกรุงเทพ.
สาวิตรี สอสุวงศ์. (2552). ศึกษากระบวนการผลิตรายการตีสิบของสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3. วิทยานิพนธ์ปริญญานิเทศศาสตร์มหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์.
สำนักงานส่งเสริมและพัฒนานันทนาการ. (2550). ชีวิตกับนันทนาการ. สืบค้นเมื่อ 23 กรกฎาคม 2554, จาก http://www.brdp.osrd.go.th/forlive/index.htm
สุจิตรา พันธุวงษ์. (2546). พฤติกรรมการเปิดรับและความคิดเห็นของกลุ่มวัยรุ่น ที่มีต่อรายการโทรทัศน์ทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ. วิทยานิพนธ์วารสารศาสตร์มหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
Kerjcie, R. V., & Morgan, D. W. (1970). อ้างอิงใน ธีรวุฒิ เอกะกุล. (2543). ระเบียบวิธีวิจัยทางพฤติกรรมศาสตร์และสังคมศาสตร์. อุบลราชธานี: สถาบันราชภัฎอุบลราชธานี.