แนวทางการพัฒนาการป้องกันหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ของอาสาสมัครฉุกเฉินการแพทย์ในกรุงเทพมหานคร
Main Article Content
บทคัดย่อ
ในสถานการณ์ฉุกเฉิน การเก็บและรวบรวมหลักฐานในเหตุที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน รวมถึงเหตุที่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ต้องคำนึงถึงการป้องกันพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เป็นสิ่งสำคัญอาสาสมัครฉุกเฉินการแพทย์ถือเป็นเจ้าหน้าที่ชุดแรกที่เข้าถึงสถานที่เกิดเหตุเพื่อทำการช่วยเหลือ การปฏิบัติงานควบคู่กับการป้องกันความเสียหายหรือสูญหายของพยานหลักฐานเป็นสิ่งจำเป็นในกระบวนการยุติธรรม งานวิจัยนี้ทำการศึกษาระดับความรู้และความคิดเห็นของอาสาสมัครฉุกเฉินการแพทย์ในกรุงเทพมหานคร โดยวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยภูมิหลังกับระดับความรู้และความคิดเห็น เพื่อวิเคราะห์และเสนอแนะแนวทางการพัฒนาการปฏิบัติงานด้านการแพทย์ฉุกเฉินร่วมกับการป้องกันพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ทำการวิจัยโดยใช้วิธีแบบผสมผสานผ่านการเก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถามจากอาสาสมัครฉุกเฉินการแพทย์ 136 คน และการสัมภาษณ์เชิงลึกหัวหน้าชุดและเจ้าหน้าที่ผู้มีประสบการณ์ 15 คน ผลการศึกษาพบว่า ระดับการศึกษามีความสัมพันธ์กับความรู้และความคิดเห็น กลุ่มตัวอย่างมีความรู้ในการป้องกันพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ในระดับสูง คิดเป็นร้อยละ 79.41 แต่ยังขาดความเข้าใจในด้านการปฏิบัติจริง จากระดับความคิดเห็นที่ต้องการรับการฝึกอบรม (คะแนนเฉลี่ย 4.76) และการบรรจุเนื้อหาทางนิติวิทยาศาสตร์ในหลักสูตรฝึกอบรม (คะแนนเฉลี่ย 4.77) จากการวิเคราะห์เนื้อหาพบว่า แนวทางการพัฒนาการป้องกันพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์สามารถทำได้โดยการมุ่งเน้นการฝึกอบรมภาคปฏิบัติเพื่อพัฒนาทักษะการปฏิบัติงาน จัดทำคู่มือการปฏิบัติงานที่ครอบคลุมบทบาทและหน้าที่ของอาสาสมัครฉุกเฉินการแพทย์ในสถานการณ์ที่หลากหลาย รวมถึงปรับปรุงข้อกฎหมายและเพิ่มเติมนโยบายการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เป็นรูปธรรม
Article Details
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ใน วารสารวิชาการอาชญาวิทยาและนิติวิทยาศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ถิอว่าเป็นข้อคิดเห็นและความรั้บผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสาร ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือรับผิดชอบใดๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ใน วารสารวิชาการอาชญาวิทยาและนิติวิทยาศาสตร์ ถือว่าเป็นลิขสิทธิ์ของวารสาร วารสารวิชาการอาชญาวิทยาและนิติวิทยาศาสตร์ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก วารสารวิชาการอาชญาวิทยาและนิติวิทยาศาสตร์ ก่อนเท่านั้น
References
Bangkok Emergency Medical Service Center (Erawan Center), Medical Department, Bangkok Metropolitan Administration. (2023). Statistics on emergency medical services [Unpublished document].
Bloom, B. S. (1956). Taxonomy of educational objectives: The classification of educational goals. United States of America: David McKay Company.
Emergency Medical Committee. (2019). Announcement of the types, levels, powers, duties, responsibilities, and limitations of emergency operations units, B.E. 2562 (Vol. 136, Special Issue 58 Ng, pp. 2-11). Government Gazette.
Emergency Medical Committee. (2020). Regulation on defining practitioners, organization accreditation, and training programs, and issuing certificates or insignia for graduates, B.E. 2563 (Vol. 137, Special Issue 96 Ng, p. 20). Government Gazette.
Emergency Medical Committee. (2022). Standards for Emergency Medical Qualifications (MEC 1), B.E. 2565 (Vol. 139, Special Issue 106 Ng, pp. 5-6). Government Gazette.
Emergency Medical Committee. (2023). Announcement on types, levels, powers, duties, responsibilities, or limitations of practitioners in emergency operations under medical orders or direction, B.E. 2566 (Vol. 140, Special Issue 165 Ng, pp. 43-44). Government Gazette.
Engsombun, S. (2008). Preliminary crime scene investigation. Nakhon Pathom: Royal Police Cadet Academy.
Huabbangyang, T., & Kulnides, N. (2021). Study of the problems and obstacles in forensic evidence preservation and crime scene management among Thai emergency medical practitioners. The 9th Suan Sunandha National Academic Conference. Suan Sunandha Rajabhat University.
Kerdvichai, N. (2003). Civil and criminal procedure code. Nakhon Pathom: Nitnai.
Laoleerat, T. (1987). Human resource development in public sector personnel management. Bangkok: Victory Powerpoint.
Ministry of Public Health. (2020). Evidence management manual (1st ed.). Bangkok.
National Institute for Emergency Medicine. (2014). Emergency medical system of local government organizations. Nonthaburi: National Institute for Emergency Medicine.
National Statistical Office. (2023). Statistics on criminal cases involving life, body, and sexual offenses categorized by type of offense by province, 2017 – 2023. Retrieved from http://statbbi.nso.go.th/staticreport/page/sector/th/09.aspx.
Royal Institute. (2013). Dictionary of the Royal Institute, B.E. 2554 (1st ed.). Bangkok: Royal Institute.
Saenkaewkas, S. (2021). Knowledge and understanding of crime scene preservation and forensic evidence among emergency medical service personnel in Nonthaburi
Province. Journal of Criminology and Forensic Science, Royal Police Cadet Academy, 7(1), 1-14.
Suwanchasri, P. (2015). Understanding of forensic and medical evidence by professional nurses in the emergency department of Phramongkutklao Hospital (Master’s thesis). Silpakorn University, Nakhon Pathom.
Tongtawee, J. (2018). Understanding and opinions of Pitakkarn Foundation rescue officers on protection and preservation of physical evidence at crime scenes (Master’s thesis). Silpakorn University, Nakhon Pathom.
Utta, T. (2012). The study of the process of preserving crime scenes and forensic evidence by foundation personnel in Chonburi Province (Master’s thesis). Silpakorn University, Nakhon Pathom.