รูปแบบการจัดทำฐานข้อมูลคนหายและศพนิรนามในประเทศไทย

Main Article Content

รัชดาภรณ์ มรม่วง
สฤษดิ์ สืบพงษ์ศิริ

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาปัญหา อุปสรรคการจัดเก็บข้อมูล และฐานข้อมูลคนหายและศพนิรนามในประเทศไทย 2) เพื่อเสนอรูปแบบการจัดทำฐานข้อมูลคนหายและศพนิรนามในประเทศไทย โดยใช้วิธีการวิจัยแบบผสม (Mixed Methods) ใช้การวิจัยเชิงปริมาณเป็นหลักร่วมกับการวิจัยเชิงคุณภาพ กลุ่มตัวอย่างเชิงปริมาณเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในการบันทึกข้อมูลคนหาย คนนิรนาม และศพนิรนาม โดยใช้วิธีสุ่มกลุ่มตัวอย่างอย่างง่ายจากหน่วยงานภาครัฐในกระบวนการยุติธรรมจำนวน 4 หน่วยงาน รวมทั้งสิ้น 340 คน ส่วนกลุ่มตัวอย่างเชิงคุณภาพเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในงานด้านคนหาย คนนิรนาม และศพนิรนาม จำนวน 17 คน ด้วยวิธีเทคนิคเดลฟายและหลักของการตรวจสอบข้อมูลแบบสามเส้า เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์ วิเคราะห์ด้วยสถิติเชิงพรรณนาร่วมกับข้อสรุปข้อมูลเชิงคุณภาพ


ผลการวิจัย พบว่า ปัญหาอุปสรรคแบ่งออกเป็น 4 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านบุคลากรไม่เพียงพอและยังขาดองค์ความรู้ความเข้าใจวิธีการปฏิบัติ 2) ด้านงบประมาณยังขาดแคลนงบประมาณในการสืบสวนติดตาม 3) ด้านระบบการจัดการยังไม่มีการกำหนดรูปแบบการปฏิบัติงานที่ชัดเจน 4) ด้านเครื่องมือวัสดุอุปกรณ์และสถานที่ ยังขาดเครื่องมือและสถานที่ที่มีความเหมาะสมในการปฏิบัติงาน ทั้งนี้รูปแบบการจัดทำฐานข้อมูลคนหายและศพนิรนามในประเทศไทยแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่
ระยะที่ 1 พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโดยการการพัฒนาระบบและบูรณาการความร่วมมือทุกภาคส่วน
ระยะที่ 2 ระบบการนำเข้าข้อมูลในการนำมาวิเคราะห์เปรียบเทียบระหว่างข้อมูลและใช้ประโยชน์จากข้อมูลร่วมกันระหว่างหน่วยงาน
ระยะที่ 3 การพัฒนาต่อยอดโดยการพัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ใช้สนับสนุนการพิสูจน์บุคคล เช่น การพัฒนานวัตกรรมและการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) มาประยุกต์ใช้ เป็นต้น

Article Details

How to Cite
มรม่วง ร., & สืบพงษ์ศิริ ส. (2021). รูปแบบการจัดทำฐานข้อมูลคนหายและศพนิรนามในประเทศไทย. วารสารวิชาการอาชญาวิทยาและนิติวิทยาศาสตร์, 7(1), 55–70. สืบค้น จาก https://so02.tci-thaijo.org/index.php/forensic/article/view/245045
บท
บทความวิจัย

References

Ali, H., Brown, N., Chiro, L., Dillinger, E., Droder, E., Hanby, J., and Yosafat, J. (2011). Recovery and identification of the missing after disaster: Case studies, ethical guidelines and policy recommendations. N.P. Retrieved November 6, 2016, from http://www.cmu.edu/hss/ehpp/documents/2011-Recovery-andIdentification-of-the-Missing-after-Disaster.pdf

Chantavanich, S. (2009). Data Analysis in Qualitative Research. (9th ed.). Bangkok : Chulalongkorn University Printery. (In Thai).

Grant, S. (2015). Migrant deaths at sea: Addressing the information deficit. Migration Policy Practice, 1, 9-16. Retrieved October 20, 2016, from http://publications.iom. int/system

ICRC. (2014). The ante-mortem / post-mortem database: An Information management application for forensic data. Ref. 4155. Switzerland: Author.

IOM Global Migration data analysis center. (2020). Missing Migrants Project. Retrieved August 1, 2020, From https://missingmigrants.iom.int/about.

Maurer. C. (2016). Missing persons and unidentified remains: Opportunities may exist to share information more efficiently. In Report to congressional committees (GAO-16-515). Washington,DC: U.S. Government Accountability Office.

Somjai. S. (2015). The study of recording system and retrieval system of missing person. Bangkok : Suansunadha University. (In Thai).