การพัฒนารูปแบบการสอน BHC เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 โรงเรียนเทศบาล ๑ (เอ็งเสียงสามัคคี) อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความต้องการจำเป็นพื้นฐานในการพัฒนารูปแบบการสอน BHC เพื่อพัฒนารูปแบบการสอน BHC เพื่อทดลองใช้รูปแบบการสอน BHC และเพื่อตรวจสอบรูปแบบการสอน BHC ดังนี้ หาประสิทธิภาพของรูปแบบการสอน BHC ตามเกณฑ์ เปรียบเทียบความคิดสร้างสรรค์พร้อมทั้งทักษะการคิดสร้างสรรค์ก่อนและหลังการใช้รูปแบบ การสอน BHC กลุ่มตัวอย่างที่ใช้เป็นนักเรียนชั้นอนุบาล 3/1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2557 โรงเรียนเทศบาล ๑ (เอ็งเสียงสามัคคี) อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา จำนวน 30 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูล เป็นแบบสอบถามความต้องการจำเป็น การสนทนากลุ่ม รูปแบบการสอน BHC ประกอบด้วยกิจกรรมสร้างสรรค์ 30 กิจกรรม ใช้เวลาเรียน 10 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 3 วัน ๆ ละ 40 นาที แผนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ตามแนวคิดรูปแบบการสอน BHC แบบวัดความสอดคล้องรูปแบบการสอน BHC แบบวัดความคิดสร้างสรรค์ และแบบวัดทักษะความคิดสร้างสรรค์ โดยผู้วิจัยศึกษาความต้องการจำเป็นพื้นฐานจากผู้ปกครอง นักเรียน และครู ทดสอบก่อนเรียน โดยใช้แบบทดสอบวัดความคิดสร้างสรรค์ แบบวัดทักษะความคิดสร้างสรรค์ ดำเนินการสอนตามแผนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการสอน BHC ทดสอบหลังเรียน โดยใช้แบบทดสอบวัดความคิดสร้างสรรค์ แบบวัดทักษะความคิดสร้างสรรค์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบทีแบบไม่อิสระ การหาค่าความตรงตามสูตรของ IOC การหาค่าความเที่ยงตามสูตรอัลฟา และ KR – 20 การหาค่าความยากง่ายและค่าอำนาจจำแนกตามสูตร (p) และ (r) การหาคุณภาพนวัตกรรม ได้แก่ การหาค่า /
ผลการวิจัยสรุปได้ ดังนี้
- ผลการสำรวจความต้องการจำเป็นพื้นฐานในการพัฒนารูปแบบการสอน BHC โดยภาพรวมพบว่า ความต้องการจำเป็นพื้นฐานทั้ง 3 กลุ่มอยู่ในระดับมากที่สุด คือค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.13 และผลจากการสนทนากลุ่ม ทั้งสามกลุ่มมีความคิดเห็นว่า นักเรียนมีความคิดสร้างสรรค์ในระดับต่ำ
- ผลการพัฒนารูปแบบการสอน BHC ปรากฏว่ารูปแบบการสอน BHC เป็นแนวทางที่สร้างขึ้นจากความคิด ทฤษฎี หลักการของทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญาของเพียเจท์ และบรูเนอร์ แนวคิดการใช้สมองเป็นฐาน ไฮสโคป และคอนสตรัคติวิสต์ที่มีความสอดคล้องสัมพันธ์กันทั้งนี้เพื่อให้การใช้รูปแบบดังกล่าวเกิดประโยชน์ จึงมีองค์ประกอบสำคัญ 3 องค์ประกอบ คือ 1) ระดมสมอง 2) ประดิษฐ์ผลงาน 3) สรุป นำผลงานจัดแสดง และการพิจารณาความสอดคล้องของรูปแบบการสอน BHC ได้ค่า IOC เท่ากับ 0.88
- ผลการทดลองใช้รูปแบบการสอน BHC ทั้ง 3 กลุ่มได้ค่าประสิทธิภาพ / สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่ตั้งไว้ทั้ง 3 กลุ่ม
- ผลการตรวจสอบรูปแบบการสอน BHC สรุปได้ดังนี้
4.1 ผลการหาประสิทธิภาพของรูปแบบการสอน BHC ได้ค่าประสิทธิภาพ 81.86/84.25
4.2 ความคิดสร้างสรรค์หลังเรียนด้วยรูปแบบการสอน BHC สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4.3 ทักษะการคิดสร้างสรรค์หลังเรียนด้วยรูปแบบการสอน BHC สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
Article Details
ในกรณีที่กองบรรณาธิการ หรือผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งได้รับเชิญให้เป็นผู้ตรวจบทความวิจัย หรือ บทความทางวิชาการมีความเห็นว่าควรแก้ไขความบกพร่อง ทางกองบรรณาธิการจะส่งต้นฉบับให้ ผู้เขียนพิจารณาจัดการแก้ไขให้เหมาะสมก่อนที่จะลงพิมพ์ ทั้งนี้ กองบรรณาธิการจะยึดถือความคิด เห็นของผู้เชี่ยวชาญเป็นเกณฑ์
References
นัยนา อิสสระวิทย์. (2549). การจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัย : แนวคิดและการปฏิบัติ. (วิทยานิพนธ์ครุศาสตร์มหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยราชภัฎ).
เปรื่อง กิจรัตน์ภร. (2556). ชีวิตกับการศึกษา. สืบค้นจาก http : //pnru.ac.th/30064ba90c82269ed73053fe106afb1-1.pdf.
ภรณี คุรุรัตนะ และวรนาท รักสกุลไทย. (2542). กระบวนทัศน์ใหม่ของการศึกษาปฐมวัย ในการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย (3-5 ปี). กรุงเทพฯ : สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ.
สมใจ ชูหนู. (2550). ผลการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ตามแนวคิดไฮสโคปที่มีต่อความคิดสร้างสรรค์ของเด็กปฐมวัย โรงเรียนวัดควนอินทร์นิมิต จังหวัดพัทลุง. (สารนิพนธ์ การศึกษามหาบัณฑิต , มหาวิทยาลัยทักษิณ).
อมลวรรณ วีรธรรมโม. (2549). การพัฒนาความคิดสร้างสรรค์. สงขลา : ภาควิชาหลักสูตรและการสอน คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ.