ความสัมพันธ์ระหว่างการตลาดเชิงเนื้อหาทางสื่ออินสตาแกรมกับความผูกพันและ คุณค่าตราสินค้าเครื่องแต่งกายจากประเทศญี่ปุ่นในทัศนะของกลุ่มเจเนอเรชั่นเอ็ม ในประเทศไทย

ผู้แต่ง

  • กฤษฎา ปานลักษ์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
  • วรินทรา ศิริสุทธิกุล คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

คำสำคัญ:

การตลาดเชิงเนื้อหาทางสื่ออินสตาแกรม, ความผูกพันของผู้บริโภค, คุณค่าตราสินค้า, เจเนอเรชั่นเอ็ม

บทคัดย่อ

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการตลาดเชิงเนื้อหาทางสื่ออินสตาแกรมกับ
ความผูกพันและคุณค่าตราสินค้าเครื่องแต่งกายจากประเทศญี่ปุ่นในทัศนะของกลุ่มเจเนอเรชั่นเอ็มในประเทศไทย
กลุ่มตัวอย่างในการวิจัย คือ ผู้ใช้งานชาวไทยเจเนอเรชั่นเอ็มที่ติดตามสื่ออินสตาแกรมของเครื่องแต่งกายจาก
ประเทศญี่ปุ่น โดยมีอายุในปัจจุบันอยู่ระหว่าง 18 ปี ถึง 38 ปี จำนวน 385 ราย เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามออนไลน์
และคำถามคัดกรอง สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน
การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปสถิติทางสังคมศาสตร์ ผลการวิจัยพบว่า การตลาดเชิงเนื้อหา
ทางสื่ออินสตาแกรมของเครื่องแต่งกายจากประเทศญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์กับความผูกพันของผู้ใช้งานอินสตาแกรม
ชาวไทยเจเนอเรชั่นเอ็มและมีความสัมพันธ์กับคุณค่าตราสินค้าเครื่องแต่งกายจากประเทศญี่ปุ่น ในทิศทางเดียวกัน
ในระดับปานกลาง และความผูกพันของผู้ใช้งานอินสตาแกรมชาวไทยเจเนอเรชั่นเอ็มมีความสัมพันธ์กับคุณค่า
ตราสินค้าเครื่องแต่งกายจากประเทศญี่ปุ่นในทิศทางเดียวกันในระดับปานกลาง และจากผลการวิจัยในครั้งนี้ คณะผู้วิจัย
มีข้อเสนอแนะให้มีการนำไปปรับใช้กับผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งกายและผลิตภัณฑ์ สิ่งทอไทยในการสร้างคุณค่าตราสินค้า
ให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นด้วยการสร้างความผูกพันผ่านทางกลยุทธ์การตลาดเชิงเนื้อหาทางสื่ออินสตาแกรม

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2018-12-31

รูปแบบการอ้างอิง

ปานลักษ์ ก., & ศิริสุทธิกุล ว. (2018). ความสัมพันธ์ระหว่างการตลาดเชิงเนื้อหาทางสื่ออินสตาแกรมกับความผูกพันและ คุณค่าตราสินค้าเครื่องแต่งกายจากประเทศญี่ปุ่นในทัศนะของกลุ่มเจเนอเรชั่นเอ็ม ในประเทศไทย. วารสารวิชาการบริหารธุรกิจ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย, 7(พิเศษ), 10–29. สืบค้น จาก https://so02.tci-thaijo.org/index.php/apheitvu/article/view/164198

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย