ความสำเร็จของการพัฒนาระบบเครือข่ายธุรกิจขนาดเล็กของผู้ประกอบธุรกิจ เสื้อผ้าแฟชั่น
คำสำคัญ:
ความสำเร็จของธุรกิจ, ระบบเครือข่ายธุรกิจ, ธุรกิจเสื้อผ้าแฟชั่นธุรกิจขนาดเล็กบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพที่มีวัตถุประสงค์ 3 ประการ ได้แก่ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานของ
ระบบเครือข่าย การสนับสนุนจากภาครัฐ และอุปสรรคในการพัฒนาระบบเครือข่ายของกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจเสื้อผ้า
แฟชั่นขนาดเล็ก 2) เพื่อทราบความคิดเห็นและความต้องการของสมาชิกเครือข่ายต่อการพัฒนาระบบเครือข่ายและ
3) เพื่อศึกษาปัจจัยสนับสนุนความสำเร็จของภาครัฐในการใช้ระบบเครือข่าย โดยศึกษาข้อมูลจากเอกสาร
การสัมภาษณ์เชิงลึก และสำรวจความคิดเห็นต่อการดำเนินงานของเครือข่ายจากทั้งภาครัฐและภาคธุรกิจที่กระจายตัว
อยู่ใน 6 เครือข่าย สรุปผลการวิจัยได้ว่า สามารถบรรลุวัตถุประสงค์การวิจัย ดังนี้ 1) สมาชิกเครือข่ายส่วนใหญ่
เป็นคนรุ่นใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีการสื่อสารสมัยใหม่ได้ดี เป็นนักออกแบบสินค้าแฟชั่นที่มีศักยภาพในการพัฒนาสูงมาก
ส่วนใหญ่ตระหนักถึงความสำคัญของการสนับสนุนจากภาครัฐ โดยต้องการมีส่วนร่วมในการจัดทำแผนพัฒนา
ภายใต้สนับสนุนจากภาครัฐอย่างต่อเนื่อง ต้องการให้กลุ่มและภาครัฐสร้างสัมพันธภาพระหว่างกันให้แน่นขึ้น
2) สมาชิกเครือข่าย ต้องการได้รับการฝึกอบรมและการให้คำปรึกษาในระดับเข้มข้น สมาชิกส่วนใหญ่มีความพึงพอใจ
ในการเข้าร่วมเครือข่ายในระดับสูงมาก และ 3) สมาชิกมองว่าทั้งการปฏิบัติงานของภาครัฐและการประสานงานร่วมกัน
ของสมาชิกเครือข่ายอยู่ในเกณฑ์ดีมาก ซึ่งแสดงว่าแผนการดำเนินงานของระบบเครือข่ายสำเร็จตามเป้าประสงค์
ของภาครัฐ ทั้งนี้สมาชิกเครือข่ายมีความคาดหวังให้ภาครัฐสนับสนุนการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการด้านเทคโนโลยี
สมัยใหม่ และภาษาอังกฤษเพื่อธุรกิจ ปรับเพิ่มบทบาทในการประสานงาน และแสวงหาช่องทางการตลาดต่างประเทศ
ด้วยการแสวงหาผู้ร่วมทุนชาวต่างชาติเพื่อการขยายธุรกิจ อย่างไรก็ตาม สมาชิกเครือข่ายมีข้อเสนอแนะต่อกลุ่ม
สมาชิกเครือข่ายด้วยกันว่า ควรตั้งใจพัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ส่งเสริมความเป็นองค์การทางธุรกิจและพัฒนา
แผนธุรกิจ และต้องสานสัมพันธ์ระหว่างกันให้แนบแน่นทั้งอย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการเพื่อเตรียมพร้อมรับ
การเข้าสู่เวทีการแข่งขันในตลาดสากล
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารวิชาการบริหารธุรกิจ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทยต้องเป็นบทความที่ไม่เคยได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ หรืออยู่ระหว่างการพิจารณาตีพิมพ์ในวารสารอื่นๆ การละเมิดลิขสิทธิ์เป็นความรับผิดชอบของผู้ส่งบทความโดยตรง