การตัดสินใจเลือกใช้บริการร้านขายยาของผู้บริโภคไทย
คำสำคัญ:
ร้านขายยา, เภสัชกร, การส่งเสริมสุขภาพบทคัดย่อ
การวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อ 1) สำรวจรูปแบบการดูแลสุขภาพและการดูแลรักษาอาการเจ็บป่วยของคนไทย 2) ศึกษาทัศนคติและพฤติกรรมในการใช้บริการร้านขายยาของผู้บริโภค และ 3) นำเสนอปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการร้านขายยาของผู้บริโภคไทย วิธีการวิจัยจำแนกตามวิธีการเก็บข้อมูลวิจัย และกลุ่มตัวอย่างในการวิจัย ประกอบด้วย 2 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่หนึ่ง การเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพ จากเจ้าของร้านขายยา เภสัชกรประจำร้านขายยาทั่วไป และเภสัชกรประจำร้านขายยาที่มีสาขา (Chain Pharmacy) ด้วยการสนทนากลุ่มย่อย เพื่อสร้างเป็นเครื่องมือในการเก็บข้อมูลเชิงปริมาณ (แบบสอบถาม) และ ขั้นตอนที่สอง การเก็บข้อมูลเชิงปริมาณ โดยการนำแบบสอบถามที่ได้จากขั้นตอนที่หนึ่ง ไปเก็บข้อมูล จากผู้ใช้บริการร้านขายยา จำนวน 1,255 คน ทั่วประเทศ
ผลการวิจัย พบว่า คนไทยในวัย 15-34 ปี ส่วนใหญ่ มีการออกกำลังกายเป็นประจำ และให้ความสำคัญกับการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ แต่ไม่ให้ความสำคัญกับการรับประทานผัก ผลไม้ วิตามิน และอาหารเสริมและยังพบว่า 3 ใน 4 ของคนไทยใช้บริการร้านขายยาอย่างน้อย 1 ครั้ง ในช่วง 1 ปี เมื่อมีอาการเจ็บป่วยทั่วไป เช่น ปวดหัว ไอ/มีน้ำมูก เสมหะ เจ็บคอ ไข้หวัด ท้องเสีย ปวดกล้ามเนื้อ คนไทยส่วนใหญ่ (ร้อยละ 70) จะเลือกซื้อยาจากร้านขายยามากกว่าการไปโรงพยาบาลหรือคลินิก ในขณะที่ผู้ที่มีอาการจากโรคประจำตัวส่วนใหญ่ (ร้อยละ 72) จะเลือกเข้ารับการรักษาจากโรงพยาบาลมากกว่า ซึ่งหลักเกณฑ์ 4 อันดับแรกในการเลือกใช้บริการร้านขายยาของผู้บริโภคไทย คือ 1. ความสะดวกในการเดินทาง 2. เภสัชกรมีความรู้และให้คำแนะนำได้ดี 3. ราคาเหมาะสม และ 4. คุณภาพของยาที่จำหน่าย
นอกจากนั้นแล้ว ผู้บริโภคยังคาดหวังให้ร้านขายยาเป็นร้านที่เปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมง มีคลินิกแพทย์ให้บริการในร้าน มีการให้บริการตรวจสุขภาพฟรีเบื้องต้น และสามารถใช้ประกันสังคม หรือหลักประกันสุขภาพ (สปสช) ได้ และข้อค้นพบเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการร้านขายยาของผู้บริโภคไทย 6 ด้าน คือ ด้านที่ตั้ง ด้านเภสัชกรและการให้บริการ ด้านสภาพร้าน ด้านผลิตภัณฑ์ยา ด้านราคา และด้านมูลค่าเพิ่มของการบริการ
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารวิชาการบริหารธุรกิจ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทยต้องเป็นบทความที่ไม่เคยได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ หรืออยู่ระหว่างการพิจารณาตีพิมพ์ในวารสารอื่นๆ การละเมิดลิขสิทธิ์เป็นความรับผิดชอบของผู้ส่งบทความโดยตรง