ยุทธศาสตร์การจัดการหนี้สินส่วนบุคคลของสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ในกลุ่มบูรณาการจังหวัดที่ 7 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับทักษะทางการเงินที่ส่งผลต่อการค้างชำระหนี้ของสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร กลุ่มบูรณาการจังหวัดที่ 7 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และ 2) กำหนดยุทธศาสตร์การจัดการหนี้สินส่วนบุคคลของสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร กลุ่มบูรณาการจังหวัดที่ 7 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แบ่งการวิจัยออกเป็น 2 ระยะ โดยระยะที่ 1 การวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่าง คือ สมาชิกเกษตรกรที่มีประวัติค้างชำระหนี้กองทุน จำนวน 250 คน โดยใช้วิธีการสุ่มแบบหลายขั้นตอน เก็บรวบรวมด้วยแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพื้นฐาน และการวิเคราะห์สมการถดถอย ระยะที่ 2 การวิจัยเชิงปริมาณและคุณภาพ แบ่งการศึกษาออกเป็น 2 ขั้นตอน โดยขั้นตอนแรก จัดทำร่างยุทธศาสตร์ โดยกำหนดกลุ่มเป้าหมายคือ ผู้ทรงคุณวุฒิที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดการหนี้สินเกษตรกร จำนวน 21 คน ด้วยวิธีการเลือกแบบเจาะจง เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบบันทึกการสนทนากลุ่ม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา ขั้นตอนที่สอง ประเมินยุทธศาสตร์ กลุ่มเป้าหมาย จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบประเมินความเหมาะสม ความเป็นไปได้ ความเป็นประโยชน์ และความคุ้มค่า วิเคราะห์ข้อมูลสถิติ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าความถี่ ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยพบว่า 1) การศึกษาระดับทักษะทางการเงินที่ส่งผลต่อการค้างชำระหนี้ ในภาพรวมเกษตรกรมีทักษะทางการเงินอยู่ในระดับปานกลาง เมื่อจำแนกเป็นรายด้าน พบว่า ด้านทัศนคติทางการเงิน และด้านพฤติกรรมทางการเงิน เกษตรกรมีทักษะอยู่ในระดับสูง ส่วนด้านความรู้ทางการเงิน เกษตรกรมีทักษะอยู่ในระดับต่ำ โดยผลจากการวิเคราะห์สมการถดถอย พบว่า ระดับทักษะทางการเงินส่งผลต่อการค้างชำระหนี้กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรกลุ่มบูรณาการจังหวัดที่ 7 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในทิศทางตรงข้าม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และ 2) การกำหนดยุทธศาสตร์ได้ยุทธศาสตร์ 3 ประเด็น ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์ที่ 1 พัฒนาความรู้ทางการเงิน ยุทธศาสตร์ที่ 2 การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทางการเงิน และยุทธศาสตร์ที่ 3 สร้างทัศนคติทางการเงินที่ดี ประเมินความเหมาะสม ความเป็นไปได้ ความเป็นประโยชน์ และความคุ้มค่าของร่างยุทธศาสตร์ พบว่า มีค่าเฉลี่ยในแต่ละด้านมากกว่า 3.51 ซึ่งผ่านเกณฑ์การประเมินที่กำหนดไว้
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความทุกเรื่องได้รับการตรวจความถูกต้องทางวิชาการโดยผู้ทรงคุณวุฒิ ทรรศนะและข้อคิดเห็นในบทความ Journal of Global of Perspectives in Humanities and Social Sciences (J-GPHSS) มิใช่เป็นทรรศนะและความคิดของผู้จัดทำจึงมิใช่ความรับผิดชอบของบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ กองบรรณาธิการไม่สงวนสิทธิ์การคัดลอก แต่ให้อ้างอิงแหล่งที่มา
เอกสารอ้างอิง
Bank of Thailand. (2020). Rāingān phon kānsamrūat thaksa thāng kānngœ̄n khō̜ngThai pī 2563 [Report on the results of the Thai Financial Skills Survey 2020]. Retrieved from https://bit.ly/40OqDxm
Gongkhonkwa, G. et al. (2020). Patčhai thī mī phon tō̜ ʻō̜ra dap thaksa thāng kānngœ̄n : kō̜ranī sưksā kasēttrakō̜n nai ʻamphœ̄ dō̜k khamtai čhangwat Phayao [Factors Influencing Financial Literacy Levels: A Case Study of Farmers in Dokkhamtai, Phayao]. Journal of Management Science. 10(1), 111-128.
Mekjamroen, P. (2022). Rūpbǣp kānbō̜rihān čhatkān nīsin sō̜ won bukkhon nai sangkhom Thai yuk 4.0 chœ̄ng phut būn nā kān [the buddhist integration model of personal debt management for thai society in the 4.0 era]. Retrieved from https://bit.ly/4h98AYu
Phueakmongkol, V. (2017). Khwāmrū thāng kānngœ̄n khō̜ng prachāchon čhangwat Pathum Thānī [Financial knowledge of the people of Pathum Thani Province]. Journal of VRU Research and Development Journal Humanities and Social Science. 12(3), 311-323.
Sakulphong, N. (2019). Sưksā thaksa thāng kānngœ̄n thī mī phalok ra thop tō̜ phrưttikam kā rok ʻaha nī khō̜ng khrū thī pen samāchik sahakō̜n ʻō̜m sap khrū læ ʻư̄n ʻư̄n [Financial skills that affect excessive debt behavior of teachers who are members of teachers' savings cooperatives and others]. Retrieved from http://bit.ly/3WswBBt
Srisa-art, B. (2011). Kānwičhai bư̄angton [Basic research]. 9th ed. Bangkok: Suweeriyasan.
Wanitsupawong, P. (2003). Ek sān sō̜n rabīap withī wičhai thāngkān sưksā [Teaching documents and educational research methods]. 4th ed. Pattani: Office of Academic Resources, Prince of Songkla University.