ผลของการจัดการเรียนรู้วิชาศิลปะ(ทัศนศิลป์) ตามแนวคิดพหุศิลปศึกษาเชิงแบบแผน (DBAE) ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนศิลปะของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของการจัดการเรียนรู้วิชาศิลปะ(ทัศนศิลป์) ตามแนวคิดพหุศิลปศึกษาเชิงแบบแผน (DBAE) ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้รูปแบบการวิจัยเชิงทดลองแบบ Single Group Pretest – Posttest Design โดยเลือกแบบเจาะจง ได้แก่ นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศิลปากร (ปฐมวัยและประถมศึกษา)จำนวน 74 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1. แผนการจัดการเรียนรู้ศิลปะ (ทัศนศิลป์) ตามแนวคิดพหุศิลปศึกษาเชิงแบบแผน (DBAE) จำนวน 12 แผน รวม 80 ชั่วโมง 2.แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 3.แบบประเมินผลงานศิลปะ 4. แบบสังเกตพฤติกรรมกระบวนการเรียนรู้ และ 5. แบบประเมินความพึงพอใจของผู้เรียน วิเคราะห์ข้อมูล โดยการหาค่าความถี่ ค่าร้อยละ คะแนนเฉลี่ย () ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และการทดสอบค่าที (t - test) ผลการวิจัยพบว่า 1) ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้นหลังจากที่เรียนวิชาศิลปะ(ทัศนศิลป์) ตามแนวคิดพหุศิลปศึกษาเชิงแบบแผน (DBAE) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2) ค่าเฉลี่ยของคะแนนผลงานศิลปะสูงขึ้นหลังจากการเรียนวิชาศิลปะ(ทัศนศิลป์) ตามแนวคิดพหุศิลปศึกษาเชิงแบบแผน (DBAE) 3) ผู้เรียนปรากฏพฤติกรรมกระบวนการเรียนรู้ในภาพรวม พบว่า พฤติกรรมผู้เรียนขณะปฏิบัติกิจกรรมการเรียนการสอนที่มีความถี่มากที่สุด ได้แก่ผู้เรียนเก็บทำความสะอาด รักษาอุปกรณ์การเรียน (ร้อยละ 91.89) ส่วนพฤติกรรมที่มีความถี่น้อยที่สุด ได้แก่ ผู้เรียนมีการซักถามเชิงเปรียบเทียบกันภายในกลุ่มเพื่อหาแนวคิดใหม่ (ร้อยละ 83.07) และ 4) ความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อการจัดการเรียนการสอนศิลปะ(ทัศนศิลป์) ตามแนวคิดพหุศิลปศึกษาเชิงแบบแผน (DBAE) พบว่า โดยภาพรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก ( = 2.57)
Article Details
References
กระทรวงวัฒนธรรม. 2559. ร่างกรอบทิศทางยุทธศาสตร์ 20 ปี ด้านวัฒนธรรม ตามกรอบทิศทาง
ยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี. กรุงเทพมหานคร: สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม.
กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ. 2545. เอกสารประกอบหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช
2544 คู่มือการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ (ร.ส.พ.).
กระทรวงศึกษาธิการ. 2551.หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ.
เกษร ธิตะจารี. 2542.กิจกรรมศิลปะสำหรับครู. กรุงเทพมหานคร : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
คณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ,สำนักงาน. 2542.พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ 2542 . กรุงเทพมหานคร : พริกหวานกราฟิก.
ประเทิน มหาขันธ์. 2531. ศิลปะในโรงเรียนประถม. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์โอเดียนสโตร์.
มะลิฉัตร เอื้ออานันท์. 2545.กระบวนการเรียนการสอนทัศนศิลป์ในระดับประถมศึกษาสำหรับครูยุคใหม่.ไทยวัฒนาพาณิชย์ กรุงเทพมหานคร.
ลัดดา ภู่เกียรติ. 2542. การสอนโดยการใช้โครงงาน เอกสารประกอบการประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่องการพัฒนาหลักสูตรและการสอนโดยเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง. ภาควิชาหลักสูตรและวิธีสอน คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร.
เลิศ อานันทนะ. 2518. ศิลปะกับเด็ก. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์กราฟิคอาร์ต.
ศิริชัย กาญจนวาสี . 2536. การวิจัยเชิงทดลองทางพฤติกรรมศาสตร์ : การออกแบบและการวิเคราะห์ข้อมูลในคณะครุศษสตร์ผลิตผลและผลิตภัณฑ์ทางการศึกษาจากงานวิจัย. กรุงเทพมหานคร คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สุมน อมรวิวัฒน์. 2546. วิถีการเรียนรู้:คุณลักษณะที่คาดหวังในช่วงวัย . กรุงเทพมหานคร : พริกหวานกราฟิก.
สุภลักษณ์ วงศ์หน่อ. 2557. ผลการจัดกิจกรรมศิลปะแนวศึกษาบันเทิงที่ส่งเสริมสุนทรียภาพสำหรับเด็ก
อายุ 7 – 9 ปี. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต สาขาวิชาศิลปศึกษา ภาควิชาศิลปะ ดนตรีและนาฏศิลป์ศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. 2559. แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
แห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 – 2564). สำนักนายกรัฐมนตรี. วันที่ค้นข้อมูล 3 เมษายน 2560, เข้าถึงได้จาก http://www.ldd.go.th/www/files/78292.pdf
ภาษาอังกฤษ
Chrystyna Z. Holman. 2003. The effectiveness of art activities in developing school
readiness skills. Island : University of Prince Edward.
Elizabeth Manley Delacruz and Phillip C. Dunn. 1996. The Evolution of Discipline-Based
Art Education. Journal of Aesthetic Education. 30 : 67-82.
Piaget, J. 1964. Cognitive Development in Children : Piaget Development and Learning.
Journal of Research in Science Teaching. 2 : 176 – 186.