การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล: ประเด็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

บทคัดย่อ

เกี่ยวกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามประมวลรัษฎากร จากการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ผลการศึกษา พบว่า ประเด็นปัญหาด้านภาษี ประกอบไปด้วย 1) การจำหน่าย จ่าย โอน แลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัล มีส่วนที่ตีราคาเกินกว่าเงินลงทุน ให้ถือว่าเป็นเงินได้พึงประเมิน ตามมาตรา 40(4)(ฌ) การคำนวณต้นทุนให้ใช้วิธีต้นทุนถัวเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average Cost) หรือวิธีเข้าก่อนออกก่อน (FIFO) สามารถเปลี่ยนวิธีคำนวณได้ในปีถัดไปโดยไม่ต้องขออนุมัติ 2) การขุดหรือทำเหมือง จะถือเป็นเงินได้พึงประเมิน ตามมาตรา 40(8) เฉพาะเมื่อตอนขาย และสามารถหักค่าใช้จ่ายได้ตามความจำเป็นและสมควร ทั้งนี้ให้นำมาตรา 65 ทวิ และมาตรา 65 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร มาใช้บังคับโดยอนุโลม 3) ได้รับเป็นเงินเดือน เนื่องจากการจ้างแรงงาน ถือเป็นเงินได้ ตามมาตรา 40(1) แต่ถ้าผู้รับจ้างได้รับค่าจ้างจากการรับทำงานให้ ถือเป็นเงินได้ ตามมาตรา 40(2) การคำนวณต้นทุนและรายได้ ให้เลือกใช้มูลค่า ณ เวลาที่ได้มาหรือราคาถัวเฉลี่ยในวันที่ได้มา ตามราคาที่ประกาศจากศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล 4) ได้รับจากการให้หรือได้รับเป็นรางวัล ถือเป็นเงินได้ ตามมาตรา 40(8) คำนวณต้นทุนและรายได้ ให้คำนวณเข่นเดียวกันกับได้รับมาจากเงินเดือน ค่าจ้าง 5) ได้รับผลประโยชน์หรือผลตอบแทนจากการถือครองคริปโทเคอร์เรนซี ถือเป็นเงินได้ ตามมาตรา 40(8) แต่ถ้าได้รับโทเคนดิจิทัล ถือเป็นเงินได้ ตามมาตรา 40(4)(ซ) 6) การวัดมูลค่าการคำนวณต้นทุนและรายได้ในทุกประเด็น ให้ใช้มูลค่า ณ เวลาที่ได้มา หรือราคาถัวเฉลี่ยในวันที่ได้มา ซึ่งเป็นราคาอ้างอิงที่มีความน่าเชื่อถือ เช่น ราคาที่ประกาศโดย Exchange ที่จัดทำขึ้นตามหลักเกณฑ์ของ ก.ล.ต. ถ้าใช้วิธีใดแล้ว ให้เลือกใช้วิธีนั้นตลอดปีภาษี และ 7) กรณีที่มีผลขาดทุนเกิดขึ้น สามารถนำผลขาดทุนดังกล่าว มาหักกับกำไรที่เกิดขึ้นได้ในปีเดียวกันนั้น เฉพาะการจำหน่าย จ่าย โอน หรือแลกเปลี่ยนที่กระทำผ่านศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต.

               ดังนั้น เพื่อประชาชนทั่วไปหรือนักลงทุนที่สนใจ มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับประเด็นปัญหากฎหมายภาษีอากรที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงภาษี ลดปัญหาในทางปฏิบัติ ข้อขัดแย้งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ยิ่งไปกว่านั้น หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานที่กำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง ควรให้ความสำคัญประชาสัมพันธ์

ปรับปรุงแก้ไขกฎหมายภาษีให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น ใช้บังคับได้อย่างเท่าเทียมและเป็นรูปธรรม ส่งผลให้จัดเก็บภาษีเกิดประสิทธิภาพ มีความงครบถ้วน ถูกต้อง และเต็มเม็ดเต็มหน่วย รวมถึงเสริมสร้างให้กฎหมายภาษีอากรของประเทศไทย มีการพัฒนาให้ทันสมัยและสนับสนุนให้สินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทยสามารถเติบโตต่อไปได้อย่างมั่นคงในอนาคต ซึ่งจะส่งผลดีต่อการลงทุนและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทยให้สูงขึ้นได้