ความพึงพอใจของผู้ปกครองต่อการให้บริการตามหลักสังคหวัตถุ ๔ ของศูนย์การศึกษาพิเศษ ประจำจังหวัดนครสวรรค์
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยในครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ศึกษาเรื่อง ความพึงพอใจของผู้ปกครองต่อการให้บริการตามหลักสังคหวัตถุ 4 ของศูนย์การศึกษาพิเศษ ประจำจังหวัดนครสวรรค์ โดยมีวัตถุประสงค์ของการวิจัยดังนี้ 1) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้ปกครองต่อการให้บริการตามหลักสังคหวัตถุ4 ของศูนย์การศึกษาพิเศษ ประจำจังหวัดนครสวรรค์ 2) เพื่อเปรียบเทียบระดับความพึงพอใจของผู้ปกครองต่อการให้บริการตามหลักสังคหวัตถุ 4 ของศูนย์การศึกษาพิเศษ ประจำจังหวัดนครสวรรค์ จำแนก ตามปัจจัยส่วนบุคคล และ 3) เพื่อเสนอแนวทางการพัฒนาและข้อเสนอแนะการให้บริการตามหลักสังคหวัตถุ 4 ของศูนย์การศึกษาพิเศษ ประจำจังหวัดนครสวรรค์ การวิจัยนี้เป็นการวิจัย เซิงพรรณนา (DescriptiveResearch) เป็นทั้งเซิงปริมาณ และเซิงคุณภาพ โดยการวิจัยเซิงปริมาณ เก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถามจากกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 157 คน แล้ววิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรม สำเร็จรูปทางสถิติ เพื่อคำนวณหาค่าความถี่ (Frequency) ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (standardDeviation) แล้วทดสอบสมมติฐานด้วยการทดสอบค่าที (t-test) และทดสอบค่าเอฟ (f-test) ด้วยวิธีการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (OneWayANOVA) ในกรณีตัวแปรต้นตั้งแต่สามกลุ่มขึ้นไป เมื่อพบว่ามีความแตกต่างจะทำการเปรียบเทียบ ความความแตกต่างรายคู่ด้วยวิธีผลต่างนัยสำคัญน้อยที่สุด (LeastSignificantDifference: LSD) ส่วนการวิจัยเซิงคุณภาพ เก็บข้อมูลจากแบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง (StructuredInterview) กับผู้ให้ข้อมูลสำคัญ (Keyinformants) จำนวน 5 คน แล้ววิเคราะห์ข้อมูลด้วยเทคนิคการวิเคราะห์ เซิงเนื้อหา (ContentAnalysis)
ผลการวิจัยพบว่า ความพึงพอใจของผู้ปกครองต่อการให้บริการตามหลักสังคหวัตถุ 4 ของศูนย์การศึกษาพิเศษ ประจำจังหวัดนครสวรรค์มี 7ด้าน ได้แก่ 1)การรวบรวมข้อมลทั่วไปของเด็กพิเศษตามหลักสังคหวัตถุ4 2)การคัดกรองประเภทความพิการทางการศึกษา/ส่งต่อ ตามหลักสังคหวัตถุ 4 3) การประเมินความสามารถพื้นฐานตามหลักสังคหวัตถุ 4 4)การจัดทำแผนให้บริการช่วยเหลือเฉพาะครอบครัวและแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคลตามหลักลังคหวัตถุ 4 5) การให้บริการด้วยการจัดกิจกรรมที่เหมาะสมตามหลักสังคหวัตถุ 46)การประเมินความก้าวหน้าตามหลักสังคหวัตถุ 4และ 7) การนิเทศ ติดตาม ประเมินผลและการส่งต่อตามหลักสังคหวัตถุ 4โดยภาพรวม อยู่ในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ได้แก่ ด้านการประเมิน ความสามารถพื้นฐานตามหลักสังคหวัตถุ 4 อยู่ในระดับปานกลาง ส่วนด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด ได้แก่ ด้านการรวบรวมข้อมูลทั่วไปของเด็กพิเศษตามหลักสังคหวัตถุ 4 อยู่ในระดับปานกลาง
แนวทางการพัฒนาและข้อเสนอแนะการให้บริการตามหลักสังคหวัตถุ 4 ของศูนย์การศึกษาพิเศษ ประจำจังหวัดนครสวรรค์ พบว่า 1) ด้านการรวบรวมข้อมูลทั่วไปของเด็ก พิเศษตามหลักสังคหวัตถุ 4 ควรจัดการอบรมให้ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับเด็กพิเศษในพื้นที่ระดับตำบลหมู่บ้านเป็นการทำงานเซิงรุก 2) ด้านการคัดกรองประเภทความพิการทางการศึกษา/ส่งต่อตามหลักสังคหวัตถุ 4 ควรจัดการอบรมให้กับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือครูโรงเรียนปกติเพื่อให้มีความรู้ความ เข้าใจที่ถูกต้องในการใช้แบบคัดกรองแบบทดสอบ กระบวนการคัดกรองและการส่งต่อ 3) ด้านการ ประเมินความสามารถพื้นฐานตามหลักสังคหวัตถุ 4 ควรจัดทีมผู้เชี่ยวชาญในการประเมิน ความสามารถพื้นฐานของเด็กพิเศษโดยการประเมินมากกว่าหนึ่งครั้งต่อคนเพื่อผลการประเมิน ที่ถูกต้องแม่นยำ 4) ด้านการจัดทำแผนให้บริการช่วยเหลือเฉพาะครอบครัวและแผนการจัด การศึกษาเฉพาะบุคคลตามหลักสังคหวัตถุ 4 ควรจัดทำแผนให้บริการช่วยเหลือด้วยการประสานงาน กับหน่วยงานและองค์กรต่างๆ อย่างบูรณาการ 4) ด้านการให้บริการด้วยการจัดกิจกรรมที่เหมาะสม ตามหลักสังคหวัตถุ 4 ควรจัดกิจกรรมร่วมกับขุมซนนอกสถานศึกษาเพื่อให้เด็กพิเศษได้เรียนรู้ ประสบการณใหม่ๆ เพื่อเป็นการพัฒนาให้เด็กพิเศษสามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมปกติได้ 6) ด้านการ ประเมินความก้าวหน้าตามหลักสังคหวัตถุ 4 ควรจัดทำข้อมูลการประเมินความก้าวหน้าอย่างละเอียด รอบคอบทุกประเด็นเพื่อให้สามารถนำมาใช้ได้อย่างถูกต้องรวดเร็วทันเวลา และ 7) ด้านการนิเทศ ติดตาม ประเมินผลและการส่งต่อตามหลักสังคหวัตถุ 4 ควรจัดครูไปเยี่ยมเด็กพิเศษตามสถานที่ ที่ได้ส่งต่อเด็กไปแล้วเพื่อให้ทราบชีวิตความเป็นอยู่ว่ามีสุขทุกข์หรือไม่อย่างไร