การพัฒนาสื่อสร้างสรรค์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมโดยเยาวชนในจังหวัดฉะเชิงเทรา
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาและวิเคราะห์สภาพปัจจุบันด้านสื่อสร้างสรรค์ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในจังหวัดฉะเชิงเทรา 2) พัฒนาสื่อสร้างสรรค์ที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมโดยเยาวชนในจังหวัดฉะเชิงเทรา 3) เสนอกระบวนการพัฒนาสื่อสร้างสรรค์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ใช้รูปแบบการวิจัยและพัฒนา ใช้แนวคิดการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม สื่อสร้างสรรค์ และความพึงพอใจ เป็นกรอบการวิจัย พื้นที่วิจัย คือ วัดโสธรวราราม วรวิหาร, ตลาดบ้านใหม่ร้อยปี, และวัดสมานรัตนาราม กลุ่มผู้ให้ข้อมูลสำคัญ คือ กลุ่มผู้เชี่ยวชาญ เจ้าหน้าที่ภาครัฐ ตัวแทนชุมชน ตัวแทนผู้ใช้สื่อ และเยาวชน จำนวน 287 คน ใช้วิธีคัดเลือกแบบเจาะจงและบังเอิญ โดยเก็บข้อมูลผ่าน แบบสอบถาม สัมภาษณ์เชิงลึก และคู่มือพัฒนาสื่อ วิเคราะห์ด้วยสถิติพื้นฐานและบรรยายเชิงพรรณนา ผลการวิจัย พบว่า 1) สภาพปัจจุบันของสื่อสร้างสรรค์ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในจังหวัดฉะเชิงเทรา พบว่ามีหลากหลายประเภท อาทิ สื่อดิจิทัล ที่ปรากฏในFacebook, YouTube และ TikTok ได้รับความนิยมสูงสุด ขณะที่สิ่งพิมพ์ยังคงมีบทบาทในกลุ่มนักท่องเที่ยวสูงวัยและผู้ไม่ถนัดการใช้เทคโนโลยี 2) การพัฒนาสื่อสร้างสรรค์ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมโดยเยาวชนในจังหวัดฉะเชิงเทรา พบว่าเยาวชนสามารถพัฒนาสื่อสร้างสรรค์ เช่น วิดีโอคลิป แผ่นพับ และโบรชัวร์ ที่สะท้อนอัตลักษณ์แหล่งท่องเที่ยวและเผยแพร่ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ มีการทำงานร่วมกับชุมชนช่วยให้เข้าใจวัฒนธรรมท้องถิ่น ผลการประเมินพึงพอใจอยู่ในระดับสูง แต่มีข้อเสนอแนะในการปรับปรุงคุณภาพวิดีโอ และเพิ่มเรื่องราวประวัติศาสตร์
3)กระบวนการพัฒนาสื่อสร้างสรรค์ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมโดยเยาวชนในจังหวัดฉะเชิงเทรา เน้นการมีส่วนร่วมของเยาวชนและชุมชน โดยศึกษาความต้องการของผู้ใช้สื่อ เพื่อนำมาออกแบบ พัฒนาทักษะการสร้างและผลิตคอนเทน มีการเผยแพร่ และประเมินผล ในแพลตฟอร์มออนไลน์ ผลการวิจัยนี้มีนัยสำคัญในเชิงประโยชน์ใช้สอย ดังนี้ 1) สื่อสร้างสรรค์โดยเยาวชนช่วยขยายการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล ส่งผลให้สามารถเข้าถึงผู้ชมได้กว้างขวางยิ่งขึ้น 2) การมีส่วนร่วมของเยาวชนในการผลิตสื่อช่วยเสริมสร้างความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ท้องถิ่นและการชื่นชมคุณค่าทางวัฒนธรรม 3) การพัฒนาอย่างยั่งยืนจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณและโปรแกรมเสริมสร้างทักษะอย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาสื่อการท่องเที่ยวที่สร้างโดยเยาวชน
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
กรกนก นิลดำ, อภิสรา กฤตวาณิชย์, สาวิตรี พรหมสิทธิ์ และ กฤษณะ แสงจันทร์. (2562). แนวทางการพัฒนาเยาวชนให้เป็นนักสื่อสารเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงชาติพันธุ์ในอำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย. วารสารวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย, 14(1), 221-237.
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา. (2559). รายงานประจำปี 2559 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา. สืบค้นเมื่อ 25 ตุลาคม 2566, จากhttps://www.mots.go.th/download/AnnualReport/AnnualReport 2015_1.pdf
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา. (2566). สถิตินักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทย ม.ค. – ก.ย. ปี 2566. กรุงเทพฯ: กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา.
กระทรวงวัฒนธรรม. (2560). ชุมชนท่องเที่ยววัฒนธรรม ปี 2559 กรุงเทพฯ: กระทรวงวัฒนธรรม.
ประภาเพ็ญ สุวรรณ. (2562). การวัดการเปลี่ยนแปลงและพฤติกรรมอนามัย. (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: ไทยวัฒนาพานิช.
ประเมศฐ์ พิชญ์พันธ์เดชา. (2561). การจัดการการท่องเที่ยวเชิงศาสนาของเกาะฮ่องกงที่มีอิทธิพลต่อนักท่องเที่ยวชาวไทย(วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
ราชบัณฑิตยสถาน. (2546). พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542. กรุงเทพฯ: นานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่นส์.
มนัส สุวรรณ, รัชพล สัมพุทธานนท์, ปิยวดี นิลสนธิ และ ปัทมา รัตนกมลวรรณ. (2565). ยุทธศาสตร์การอนุรักษ์และสืบสานวัฒนธรรมพื้นถิ่นในเขตจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดแม่ฮ่องสอน. พิฆเนศวร์สาร, 18(2), 147–160.
วิลาสินี ธนพิทักษ์. (2564). การจัดการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์เพื่อเรียนรู้นวัตกรรมฝายมีชีวิตจากภูมิปัญญาชุมชนตำบลเขาปู่ อำเภอศรีบรรพต จังหวัดพัทลุง. วารสารเทคโนโลยีภาคใต้, 14(2), 28-38.
พิชชาภา อึ่งประเสริฐ, จิราภรณ์ ไพรบูลย์ทรัพย์ และ ศิตภัทร ศิริฉัตรเดชา. (2565). ผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจของผู้ประกอบการในสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) : กรณีศึกษาตลาดตรงข้ามวัดโสธรวราราม วรวิหาร จังหวัดฉะเชิงเทรา. วารสาร มจร พุทธโสธรปริทรรศน์, 2(1), 75–89.
สำนักงานจังหวัดฉะเชิงเทรา. (2566). เป้าหมายการพัฒนาจังหวัดฉะเชิงเทรา 20 ปี (พ.ศ.2566-2585). ฉะเชิงเทรา: กลุ่มงานยุทธศาสตร์และข้อมูลเพื่อการพัฒนาจังหวัด สำนักงานจังหวัดฉะเชิงเทรา.
สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม. (2561). เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อธุรกิจบริการท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง. กิจกรรมจัดทำองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจ งานพัฒนาองค์ความรู้สำหรับ SME (Knowledge Center) ปีงบประมาณ 2561. กรุงเทพฯ: สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม.
รสริน ดิษฐบรรจง. (2564). การวิเคราะห์กลวิธีการใช้ภาษาเพื่อการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในไลน์ Amazing Thailand. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนครพนม, 11(2), 287-303.
พรฟ้า สุทธิคุณ และ ประกอบ ใจมั่น. (2567). รูปแบบการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ที่ยั่งยืนโดยชุมชน. วารสารวิชาการสังคมมนุษย์, 14(1), 61–86.
สุกัญญา พวกสนิท และ ประสพชัย พสุนนท์. (2564). พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวเที่ยวเชิงวัฒนธรรม จังหวัดฉะเชิงเทรา. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี, 12(2), 203–215.
Getzels. J. W., & Jackson, P. W. (1962). Creativity and Intelligence: Exploration with Gifted Students. New York: John Wiley & Sons.
Goeldner, C., & Ritchie. J. R. B. (2011). Tourism: Principles, Practices, Philosophies. (12th ed.). New Jersey: John Wiley & Sons.
Guttentag, D. A. (2010). Virtual Reality: Applications and Implications for Tourism. Tourism Management, 31(5), 637-651.
Kotler, P., & Keller, K. (2021). Marketing Management. (15th ed.). New York: Pearson.
Li, S., & Fu, M. (2016). Strategic And Unpressured Within-Task Planning and Their Associations with Working Memory. Language Teaching Research, 22(2), 230-253.
Richards, G. (2011). Creativity and tourism: The State of the Art. Annals of Tourism Research, 38, (4), 1225-1253.
Schramm, W. (1954). The Process and Effects of Mass Communication. Illinois: University of Illinois Press.
Smith, K. (1996). Environmental Hazards: Assessing Risk and Reducing Disaster. London: Routledge.
UNESCO Institute for Lifelong Learning. (2017). Lifelong Learning In Transformation: Promising Practices in Southeast Asia. Hamburg: UNESCO Institute for Lifelong Learning.