รูปสัณฐานและคติการสร้างของพระพุทธรูปทรงเครื่องก่อนพุทธศตวรรษที่ 19
คำสำคัญ:
พระพุทธรูป, พระพุทธรูปทรงเครื่อง, ก่อนพุทธศตวรรษที่ 19บทคัดย่อ
พระพุทธรูปนอกจากจะเป็นวัตถุแทนองค์พระพุทธเจ้าแล้ว ยังเป็นเครื่องมือศึกษาถึงยุคสมัยทางศิลปะของอาณาจักรต่าง ๆ บทความนี้จึงนําเสนอ ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ ความเป็นอิทธิพลแก่กัน และการลื่นไหลทางรูปสัณฐาน และคติการสร้างของพระพุทธรูปทรงเครื่องก่อนพุทธศตวรรษที 19 ของประเทศอินเดีย ประเทศพม่า ประเทศกัมพูชา และประเทศไทย ผลการศึกษาพบว่า 1) ศิลปะอินเดียแบบปาละถือเป็นต้นแบบพระพุทธรูปทรงเครื่องที่มีอิทธิพลอย่างมากกับศิลปะพุกาม (พม่า) และศิลปะบายน (กัมพูชา) ทังสามศิลปะนี่ส่งผลต่อ ศิลปะหริภูญชัย ศิลปะศรีวิชัย ศิลปะล้านนา และศิลปะลพบุรีในประเทศไทย สาเหตุจากความเชื่อร่วมกัน การค้าขาย การเผยแผ่ศาสนา หรือแม้แต่สงครามก็ส่งผลให้การสร้างพระพุทธรูปทรงเครื่องแพร่หลายไปในหลากหลายพื้นที ทังนี้ รูปสัณฐานของพระพุทธรูปทรงเครื่องที่แตกต่างกันเกิดจากการตีความ การผสมผสานศิลปะดังเดิมของตนเองเข้าไปกับลักษณะที่รับมา และการนํามาปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับบริบทศิลปะของสังคมนัน 2) คติการสร้างของพระพุทธรูปทรงเครื่อง ในศิลปะแบบปาละ (อินเดีย) ประกอบด้วย คติเรื่องพระพุทธเจ้าทรงอยู่ในสภาวะ สูงสุดเหนือสรรพสิงและคติเรืองตรีกาย คติพระพุทธเจ้าทรงเป็นจักรวาทิน และ คติเรื่องพระอาทิพุทธ ศิลปะแบบพุกาม (พม่า) ประกอบด้วยคติพระพุทธเจ้าทรงเป็นจักรวาทิน คติเรืองพระชมพูบดี และคติเรืองพระศรีอาริยเมตไตรย ส่วนศิลปะ แบบขอม (กัมพูชา) จะมีคติเรืองพระพุทธเจ้าทรงอยู่ในสภาวะสูงสุดเหนือสรรพสิ่ง และคติเรืองตรีกาย คติพระพุทธเจ้าทรงเป็นจักรวาทินหรือเทวราชา คติเรื่อง พระอาทิพุทธ คติเรือง “พระรัตนตรัยมหายาน” และคติพระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภา
Downloads
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงวัฒนธรรม.(2550). ข้อควรระวังในการใช้สัญลักษณ์ทางพระพุทธศาสนา. กรุงเทพมหานคร: สํานักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม.
จตุพร วรวัชรพงศ์. (2549). ที่มาของพระพุทธรูปทรงเครื่องศิลปะขอมที่พบ ในประเทศไทย. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยศิลปากร).
เชษฐ์ ติงสัญชลี. (2558). ศิลปะไทยภายใต้แรงบันดาลใจจากศิลปะอินเดียแบบปาละ. กรุงเทพมหานคร: มติชน ปากเกร็ด.
นงเยาว์ ชาญณรงค์.(2553).วัฒนธรรมและศาสนา (พิมพ์ครั้งที่ 7 กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยรามคําแหง.
นวลลออ ทินานนท์. (2543). ศิลปะพื้นบ้านไทย. กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
พระธรรมเมธาภรณ์ (ระแบบ ฐิตญาโณ). (2565). พระหริภุญชัยบรมโพธิสัตว์. สืบค้นจาก https://www.facebook.com/Rabaeb.Thitanyano/
มูลนิธิโครงการสารานุกรมไทยสําหรับเยาวชนฯ.(2549). พระพุทธรูปในศิลปะไทย สมัยต่าง ๆ. สืบค้นจาก http://saranukromthai.or.th/
ราม วัชรประดิษฐ์. (2559). พระพุทธรูปทรงเครื่อง: เครื่องทรงเยี่ยงกษัตริยาธิราช. สืบค้นจาก https://siamrath.co.th/n/7117.
รุ่งโรจน์ ธรรมรุ่งเรือง. (2558). รู้เรื่องพระพุทธรูป ที่มา คติความหมายศิลปกรรม ทุกยุคทุกสมัย (พิมพ์ครั้งที่ 2), กรุงเทพมหานคร: มิวเซียมเพรส.
ศักดิ์ชัย สายสิงห์. (2556). พระพุทธรูปสําคัญและพุทธศิลป์ในดินแดนไทย. กรุงเทพมหานคร: เมืองโบราณ.
ศักดิ์ชัย สายสิงห์. (2563). ศิลปะเขมรในประเทศไทย. เอกสารประกอบการสอนวิชา ประวัติศาสตร์ศิลปะไทย, กรุงเทพมหานคร.
ศิลป์ชัย ขิ้นประเสริฐ. (2529) พระพุทธรูปทรงมงกุฎเทริดในประเทศไทย. วารสารมหาวิทยาลัยศิลปากร, (7)1, 93-103.
ส.พลายน้อย. (2545). พระพุทธรูปสําคัญในประเทศไทย. กรุงเทพมหานคร: สารคดี.
สรศักดิ์ จันทร์วัฒนกุล. (2551). ประวัติศาสตร์และศิลปะแห่งอาณาจักรขอมโบราณ. กรุงเทพมหานคร: เมืองโบราณ.
สิรีรัศมิ์ สิงห์สนธิ. (2563). พระพุทธรูป : การตีความเชิงสัญลักษณ์ทางพระพุทธ ศาสนา. วารสาร มจร พุทธศาสตร์ปริทรรศน์, (4)1, 89-98.
สุภัทรดิศ ดิศกุล. (2515). ประติมากรรมขอม. กรุงเทพมหานคร : กรุงสยามการพิมพ์.
ห้องสมุด ศ.ม.จ.สุภัทรดิศ ดิศกุล. (ม.ป.ป.). ฐานข้อมูลภาพ. สืบค้นจาก http://www.thapra.lib.su.ac.th/
Art work of Siam. (2560). พระพุทธรูปทรงเครื่องศิลปะล้านนา. สืบค้นจาก https://www.facebook.com/Art-work-of-Siam-1657342637880170/
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2022 ศูนย์พุทธศาสน์ศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของศูนย์พุทธศาสน์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับศูนย์พุทธศาสน์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว