การศึกษาปริมาณธาตุองค์ประกอบและสัณฐานของอนุภาคเขม่าดินปืนอาวุธปืนยาวที่เกิดจากการเหนี่ยวไกด้วยนิ้วเท้าโดยเทคนิคกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบส่องกราด

Main Article Content

วฉัตรชนก ธรรมกาย
ธิติ มหาเจริญ

บทคัดย่อ

สังคมกำลังเผชิญปัญหาทั้งโรคระบาดและเศรษฐกิจตกต่ำ ล้วนทำให้เกิดภาวะความเครียด ผู้คนไม่อาจหาทางออกของปัญหาที่เผชิญอยู่ ทำให้การเกิดอาชญากรรมเพิ่มสูงขึ้น หลายกรณีใช้ปืนยาวก่ออัตวินิบาตกรรมโดยนิ้วเท้าเหนี่ยวไกปืน มักใช้ปืนลูกซองก่อเหตุเนื่องด้วยเป็นอาวุธที่ผู้คนทั่วไปถือครองได้ การวิจัยนี้มุ่งศึกษาปริมาณธาตุองค์ประกอบและสัณฐานของอนุภาคเขม่าดินปืนที่เกิดจากการเหนี่ยวไกด้วยนิ้วเท้า ด้วยเทคนิคกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบส่องกราด ทดสอบสมมติฐานด้วยการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว โดยใช้ปืนยาว 2 แบบ ได้แก่ ปืนลูกซองไบคาล และ ปืนไรเฟิล เรมมิ่งตัน .308 และใช้กระสุนปืนจำนวน 4 ชนิด ในการทดลองประกอบด้วย กระสุนไรเฟิล (Rifle), กระสุนลูกซองลูกโดด (Slug), กระสุนลูกซองลูกปราย (80xBB) (Birdshot) และกระสุนลูกซองลูกเก้าเม็ด (Buckshot) พบว่าปริมาณธาตุองค์ประกอบที่สำคัญหลังจากยิงปืนจากกระสุนทั้ง 4 ชนิด เทียบจากกระสุนชนิดเดียวกันในแต่ละช่วงเวลาหลังจากยิงตั้งแต่ 0, 2, และ 6 ชั่วโมง ในธาตุชนิดเดียวกันมีปริมาณค่าเฉลี่ย % weight ไม่แตกต่างกัน และสัณฐานของอนุภาคเขม่าดินปืนจากกระสุนทั้ง 4 ชนิด พบว่ารูปทรงค่อนข้างกลม มีพื้นผิวคล้ายส้ม แสดงให้เห็นว่าระยะเวลาที่เก็บตัวอย่างทั้ง 3 ช่วงเวลาสามารถตรวจพบธาตุองค์ประกอบที่สำคัญ (ธาตุพลวง, ธาตุแบเรียม และ ธาตุตะกั่ว) ที่ใช้ในการยืนยันได้ว่ามาจากเขม่าดินปืนหลังจากการยิงปืน ซึ่งการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการวิเคราะห์หลักฐานในคดี เป็นการช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับวัตถุพยาน และนำไปสู่การตัดสินความผิดหรือการยืนยันความบริสุทธิ์ของผู้ต้องหาในงานด้านนิติวิทยาศาสตร์

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
ธรรมกาย ว., & มหาเจริญ ธ. (2025). การศึกษาปริมาณธาตุองค์ประกอบและสัณฐานของอนุภาคเขม่าดินปืนอาวุธปืนยาวที่เกิดจากการเหนี่ยวไกด้วยนิ้วเท้าโดยเทคนิคกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบส่องกราด. วารสารวิชาการอาชญาวิทยาและนิติวิทยาศาสตร์, 11(1), 20–38. สืบค้น จาก https://so02.tci-thaijo.org/index.php/forensic/article/view/271403
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

Mingchanid, P. (2017). Study on Persistence of Gunshort Residue After Shooting From 9 mm Pistol on Back of Hands and Palms with Different Persistent. KKU Research Journal (Graduate Studies), 17(3), 8-18. (In Thai).

Prachatai. (2016). THAILAND HAS A HIGHER RATE OF GUN-RELATED DEATHS THAN THE US. https://prachatai.com/journal/2016/02/64210. (In Thai).

Ratchakhom, P. (2021). Comparison of the Physical Characteristics and Gunshot Residue in Fabrics after Firing with SEM/EDX Technique. Suan Dusit Graduate School Academic Journal, 17(3), 113–128. (In Thai).

Romanò, S., De-Giorgio, F., D’Onofrio, C., Gravina, L., Abate, S., & Romolo, F. S. (2020). Characterisation of gunshot residues from non-toxic ammunition and their persistence on the shooter’s hands. International journal of legal medicine, 134, 1083-1094.

Samarendra Basu. (1982). Formation of gunshot residues. Journal of Forensic Sciences, 27, 72-91.

Schmid, T. (2016). Scanning electron microscopy (SEM). https://schmid.mygoodpage.org /wordpress/scanning-electron-microscopy-sem/

Shrivastava, P., Jain, V. K., & Nagpal, S. (2021). Gunshot residue detection technologies —a review. Egyptian Journal of Forensic Sciences, 11, 1-21.

Vachon, C. R., & Martinez, M. V. (2019). Understanding gunshot residue evidence and its role in forensic science. The American Journal of Forensic Medicine and Pathology, 40(3), 210-219.

Yongcharoenchai, C. (2022). Guns and Thai people: How to reduce their ownership. https: //www.Bbc.com /thai/articles/c90g359xnngo. (In Thai).