การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ ตามแนววิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสังคม (STS) ร่วมกับการใช้เครือข่ายสังคม เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง ไฟฟ้า สำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 3

Main Article Content

สิรินาถ ชุมพาที

Abstract

    การวิจัยครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของกิจกรรมการเรียนรู้ ตามแนววิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสังคม (STS) ร่วมกับการใช้เครือข่ายสังคม เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง ไฟฟ้า สำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 3 ตามเกณฑ์ 75/75  เพื่อทดลองใช้และศึกษาผลการใช้กิจกรรมการเรียนรู้ โดยเปรียบเทียบความคิดสร้างสรรค์ทางวิทยาศาสตร์ ก่อนเรียนและหลังเรียน  และศึกษาความคิดสร้างสรรค์ทางวิทยาศาสตร์ระหว่างเรียน  วิธีดำเนินการวิจัยประยุกต์ใช้ระเบียบวิธีวิจัยและพัฒนา  ประกอบด้วย 2 ขั้นตอนดังนี้  ขั้นตอนที่ 1 การสร้างและหาประสิทธิภาพของกิจกรรมการเรียนรู้จำนวน 4 กิจกรรม นำไปให้ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน        5 ท่าน ตรวจสอบความเหมาะสม จากนั้นนำไปหาประสิทธิภาพกับนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนสตรีพัทลุง เครื่องมือที่ใช้ได้แก่ กิจกรรมการเรียนรู้ และแบบประเมินความเหมาะสมของกิจกรรมการเรียนรู้ สถิติที่ใช้ใน การวิเคราะห์ข้อมูลคือ ค่าเฉลี่ย ( 12x"> ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และหาประสิทธิภาพจากสูตร E1/E2  ขั้นตอนที่ 2 การใช้และศึกษาผลการใช้กิจกรรมการเรียนรู้  กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนสตรีพัทลุง ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2558 จำนวน 44 คน ซึ่งได้มาจากการสุ่มอย่างง่าย โดยใช้หน่วย  การสุ่มเป็นห้องเรียน เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ กิจกรรมการเรียนรู้ และแบบบันทึกภาคสนาม  แบบแผนการวิจัยคือ 0ne Group Pretest-Posttest Design สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ( 12x"> ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ค่าความยาก (P) ค่าอำนาจจำแนก (r) ค่าความเชื่อมั่น และทดสอบความมีนัยสำคัญทางสถิติ t-test  แบบ dependent 

     ผลการวิจัยพบว่า  กิจกรรมการเรียนรู้มีกระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 7 ขั้นคือ ขั้นที่ 1 ตั้งคำถามอย่างหลากหลาย ขั้นที่ 2 วางแผนหาคำตอบ  ขั้นที่ 3 ค้นหาคำตอบ  ขั้นที่ 4 สะท้อนความคิดอย่างสร้างสรรค์ ขั้นที่ 5 แลกเปลี่ยนเรียนรู้  ขั้นที่ 6 ขยายขอบเขตความรู้และความคิด และ ขั้นที่ 7 นำไปปฏิบัติจริง โดยนำเครือข่ายสังคมเข้ามาร่วมในการจัดการเรียนรู้ในขั้นหนึ่งขั้นใดขึ้นกับความเหมาะสมของกิจกรรมนั้นๆ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญทั้ง 5 ท่าน ประเมินความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด  ( 12x"> =4.51 และ S.D. = 0.55) และมีประสิทธิภาพเท่ากับ 78.09/76.40  ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ 75/75 และผลการใช้กิจกรรมการเรียนรู้ พบว่า  ความคิดสร้างสรรค์ทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนหลังเรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้  มีคะแนนเฉลี่ยหลังเรียน ( 12x"> =16.86 และ S.D. = 3.00) สูงกว่าก่อนเรียน  ( 12x"> = 10.57 และ S.D. = 2.30) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05  นักเรียนเกิดความคิดสร้างสรรค์ทางวิทยาศาสตร์ระหว่างเรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ โดยนักเรียนสามารถตั้งปัญหา คิดหาคำตอบ นำเสนอข้อมูล แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และสร้างสรรค์ชิ้นงานเพื่อแก้ปัญหาในประเด็นต่างๆ  ที่พบด้วยวิธีการที่หลากหลาย มีขั้นตอนและไม่เหมือนใคร โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ได้

Article Details

How to Cite
ชุมพาที ส. (2017). การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ ตามแนววิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสังคม (STS) ร่วมกับการใช้เครือข่ายสังคม เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง ไฟฟ้า สำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 3. Journal of Education Thaksin University, 16(2), 177–192. retrieved from https://so02.tci-thaijo.org/index.php/eduthu/article/view/96395
Section
บทความวิจัย