รูปแบบความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของการบริหารโรงเรียนเอกชน ที่จัดตั้งในรูปแบบมูลนิธิ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน -
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ1) ศึกษาประสิทธิผลของการบริหารโรงเรียนเอกชน ที่จัดตั้งในรูปแบบมูลนิธิ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน 2) เพื่อพัฒนารูปแบบความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของการบริหารโรงเรียนเอกชน ที่จัดตั้งในรูปแบบมูลนิธิ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน และ3) เพื่อตรวจสอบความสอดคล้องของรูปแบบความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของการบริหารโรงเรียนเอกชน ที่จัดตั้งในรูปแบบมูลนิธิ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนกับข้อมูลเชิงประจักษ์ กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ รองผู้อำนวยการ หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ และครูผู้สอนโรงเรียนเอกชนที่จัดตั้งในรูปแบบมูลนิธิ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน จำนวน 308 คน เครื่องมือวิจัย คือ แบบสอบถาม การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สันวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน และการวิเคราะห์เส้นทางอิทธิพล (Path Analysis)
ผลการวิจัยพบว่า 1. ระดับประสิทธิผลของการบริหารโรงเรียนเอกชนที่จัดตั้งในรูปแบบมูลนิธิ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ส่วนใหญ่มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก โดยตัวแปรการพัฒนาบุคลากรมีค่าเฉลี่ยสูงสุด รองลงมา คือ นวัตกรรมและสื่อการเรียนรู้ คุณภาพผู้เรียน และการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองและชุมชน 2. ปัจจัยที่มิอิทธิพลต่อประสิทธิผลของโรงเรียนเอกชน ได้แก่ ลักษณะองค์การมีอิทธิพลทางอ้อมส่งผ่านภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหาร โดยมีค่าสัมประสิทธิ์อิทธิพลเท่ากับ 0.50 แต่ไม่มีอิทธิทางตรงต่อประสิทธิผลของการบริหารโรงเรียนเอกชน โดยมีค่าสัมประสิทธิ์อิทธิพลเท่ากับ -0.02 และลักษณะสภาพแวดล้อมยังได้รับอิทธิพลทางตรงและทางอ้อมโดยมีลักษณะบุคคลเป็นตัวแปรส่งผ่าน โดยมีค่าสัมประสิทธิ์อิทธิพลเท่ากับ 1.14 และลักษณะบุคคล มีอิทธิพลทางตรงและทางอ้อมส่งผ่านภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหาร โดยมีค่าสัมประสิทธิ์อิทธิพลเท่ากับ 0.44 และ ภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารไม่ส่งผลทางตรงต่อประสิทธิผลของการบริหารโรงเรียนเอกชน โดยมีค่าสัมประสิทธิ์อิทธิพลเท่ากับ -3.34 3. รูปแบบความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของการบริหารโรงเรียนเอกชน ที่จัดตั้งในรูปแบบมูลนิธิ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน มีสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ โดยมีค่าสถิติไคสแควร์ มีค่า 43.62 ที่ p-value =1.000 เมื่อพิจารณา / df เท่ากับ 92 ค่าดัชนีวัดความสอดคล้องเชิงสมบูรณ์ ค่า GFI เท่ากับ 0.98 ค่า AGFI เท่ากับ 0.97 ส่วนค่า RMSEA เท่ากับ 0.000 และค่า CN เท่ากับ 894.40 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์
Article Details
ในกรณีที่กองบรรณาธิการ หรือผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งได้รับเชิญให้เป็นผู้ตรวจบทความวิจัย หรือ บทความทางวิชาการมีความเห็นว่าควรแก้ไขความบกพร่อง ทางกองบรรณาธิการจะส่งต้นฉบับให้ ผู้เขียนพิจารณาจัดการแก้ไขให้เหมาะสมก่อนที่จะลงพิมพ์ ทั้งนี้ กองบรรณาธิการจะยึดถือความคิด เห็นของผู้เชี่ยวชาญเป็นเกณฑ์
References
ชิดชม เจนตลอด. (2560). “รูปแบบการบริหารองค์การแห่งการเรียนรู้เพื่อการพัฒนาการศึกษาของวิทยาลัยพยาบาลในประเทศไทย”, วารสารสารสนเทศ มหาวิทยาลัยกาญจนบุรี. 16(1), 185-198.
ชูเกียรติ วิเศษเสนา. (2553). “รูปแบบความสัมพันธ์เชิงเส้นของปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของเครือข่ายศึกษาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ”. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล. 21(1), 95-106.
ชญานิภา ศรีวิชัย. (2555). “ปัจจัยเชิงสาเหตุที่ส่งผลต่อประสิทธิผลภาวะผู้นำของผู้บริหารที่ส่งผล ต่อประสิทธิผลของโรงเรียนอนุบาล สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน”. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย. 2(ฉบับสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์), 221-232.
ธวัชชัย ตั้งอุทัยเรือง. (2557). โมเดลความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของประสิทธิผลโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็ก สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานในภาคกลางของประเทศไทย. (ดุษฎีนิพนธ์ ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต). กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยคริสเตียน.
นำชัย ศุภฤกษ์ชัยสกุล (2550) “การศึกษาความสัมพันธ์โครงสร้างเชิงเส้นพหุระดับปัจจัยภาวะผู้นำปัจจัยกลุ่ม สาระการเรียนรู้และปัจจัยส่วนบุคคลที่ส่งผลต่อเครือข่ายการแลกเปลี่ยนทางสังคมในที่ทำงานและตัวแปรผลทางด้านจิตพิสัยของหัวหน้ากุล่มสาระการเรียนรู้และครูโรงเรียนมัธยมศึกษาในกรุงเทพมหานคร”. วารสารพฤติกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. 13(1), 50-64.
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน.(2551). พระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ. 2550. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์สกสค.
พิไลวรรณ แตงขาว และคณะ. (2556). “การพัฒนาตัวบ่งชี้ประสิทธิผลของโรงเรียนมัธยมศึกษาที่มีอัตราการแข่งขันสูง สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน”. วารสารการบริหารการศึกษามหาวิทยาลัยบูรพา. 7(2), 82-95.
พูลพงศ์ สุขสว่าง. (2557). หลักการวิเคราะห์โมเดลสมการโครงสร้าง. มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, 6(2), 141.
เพ็ญพักตร์ ภู่ศิลป์. (2557). องค์ประกอบของภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารโรงเรียนสาธิต ระดับประถมศึกษาในสังกัดมหาวิทยาลัยราชภัฎ. (ดุษฎีนิพนธ์ ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต). กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยคริสเตียน.
รังสรรค์ อ้วนวิจิตร.(2554). รูปแบบความสัมพันธ์เชิงประสิทธิผลของโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็ก. (ดุษฎีนิพนธ์ ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต). กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยคริสเตียน.
วรรณดี เกตแก้ว. (2552). การศึกษาองค์ประกอบคุณลักษณะของผู้นำสตรีทางการศึกษาในภาคใต้. (ดุษฎีนิพนธ์ ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต). กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
ศิลป์ชัย สุวรรณมณี. (2560). “รูปแบบความสัมพันธ์เชิงสาเหตุระหว่างปัจจัยองค์การกับประสิทธิผล การบริหารสถานศึกษาระดับมัธยมศึกษาของรัฐในบริบทสังคมพหุวัฒนธรรม 4 อำเภอ ของจังหวัดสงขลา”. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ. 17(1), 81-88.
สจีรัตน์ แจ้งสุข. (2559). “รูปแบบความสัมพันธ์โครงสร้างเชิงเส้นของปัจจัยที่ส่งผลต่อความเป็นครูมืออาชีพในสถาบันอาชีวศึกษาเอกชน”. วารสารมหาวิทยาลัยนครพนม มหาวิทยาลัยนครพนม. 6(2), 33-42.
สุวิชา วิริยมานุวงษ์. (2554). บทบาทและการมีส่วนร่วมในการบริหารและจัดการศึกษาของคณะกรรมการสถานศึกษาในประเทศที่คัดสรร. กรุงเทพฯ: ห้างหุ้นส่วนจากัดภาพพิมพ์.
สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา. (2556). รายงานการพิจารณานโยบาย ยุทธศาสตร์สำหรับการพัฒนาและแก้ไขปัญหาการศึกษาเอกชนให้เข้มแข็ง. กรุงเทพฯ: ม.ป.พ.
Krejcie, R. V., & Morgan, D.W. (1970). Determining sample size research activities. Educational and Phychological Measurement. 30(3), 607-610.
Lunenburg, F.C., & C. Ornstein, A.C. (2004). Educational Administration: Concepts and Practices. 4th ed. Belmont, CA: Wadsworth/Thomson Learning.
Robbins, S. P., & Coulter, M. (2006). Management. 8th ed. United States: Prentice Hall.
Steers, Richard, M. (2005). Organizational Effectiveness. Goodyear Publishing Company, Inc: Santa Monica California.
Virgil, Freeman. (2011). Education leadership exploring personality styles: disc "HIGH I" and COLORS. Review of Higher Education and Self-Learning, Volume: 4, Issue: 11.