กระบวนการสืบทอดศิลปะการแสดงพื้นบ้านลิเกเขมร จังหวัดสุรินทร์

Main Article Content

ศรัณยพัชร์ ศรีเพ็ญ

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบันของศิลปะการแสดงพื้นบ้านลิเกเขมร จังหวัดสุรินทร์ 2) เพื่อศึกษาองค์ประกอบของศิลปะการแสดงพื้นบ้านลิเกเขมร จังหวัดสุรินทร์ 3) เพื่อศึกษากระบวนการสืบทอดศิลปะการแสดงพื้นบ้านลิเกเขมร จังหวัดสุรินทร์ กลุ่มตัวอย่าง 200 คน คือ ผู้รู้ ผู้ปฏิบัติ ผู้ให้ข้อมูลทั่วไป ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง การเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยการสำรวจเบื้องต้น สัมภาษณ์ สังเกต ตรวจสอบข้อมูลแล้วนำเสนอผลการวิจัยแบบพรรณนาวิเคราะห์       


ผลการวิจัยพบว่า 1) สภาพปัจจุบันของศิลปะการแสดงพื้นบ้านลิเกเขมร จังหวัดสุรินทร์  มีคณะลิเกเขมรที่ทำการแสดงแบบดั้งเดิมแทบจะสูญหายไปหมดแล้ว เหลือเพียง 2 คณะ ชื่อ คณะโคกทมบันเทิงศิลป์ และคณะเสกสุนทรศิลป์ ปัจจุบันผู้แสดงมีจำนวนลดลง ประกอบกับความนิยมของประชาชนก็น้อยลงด้วย ลักษณะการแสดงได้ปรับเปลี่ยนไป โดยเลียนแบบการแสดงลิเกภาคกลาง  2) องค์ประกอบของศิลปะการแสดงพื้นบ้านลิเกเขมร จังหวัดสุรินทร์ พบว่า ผู้แสดงแต่งกายง่าย ๆ แบบชีวิตประจำวัน สวมกรองคอที่มีลูกปัดร้อยเป็นเส้นห้อยลงมา เครื่องประดับศีรษะคล้ายเทริดและประดับด้วยดอกไม้ ท่ารำเป็นการรำตีบทง่าย ๆ ไม่นิยมเคลื่อนตัวไปที่อื่น ร้องและเจรจาเอง เครื่องดนตรี คือ ซออู้ ปี่ใน กลองรำมะนา กลองยืน และอาจจะเพิ่มฉิ่งฉาบ ฉากเป็นรูปภาพท้องพระโรง เวทีจะยกพื้นเวทีจากพื้นดินขึ้นสูงประมาณ 1 เมตร 3) กระบวนการสืบทอดศิลปะการแสดงพื้นบ้านลิเกเขมร จังหวัดสุรินทร์ พบว่าสืบทอดด้วยวิธี บรรจุเนื้อหาลิเกเขมรไว้ในหลักสูตรอุดมศึกษา จัดอบรมสอนลิเกเขมรตามท้องถิ่น จัดทำหนังสือเกี่ยวกับการแสดงลิเกเขมร นำความรู้มาสู่บทเพลงที่สร้างสรรค์เป็นชุดการแสดง ชื่อว่า “เรือมลิเกเขมร” จัดทำเป็นแผ่นวีดีทัศน์ ประชาสัมพันธ์ทางโทรทัศน์และวิทยุ นับว่าเป็นกระบวนการสืบทอดศิลปะการแสดงพื้นบ้านลิเกเขมร จังหวัดสุรินทร์

Article Details

ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

Kestes, B. (1993). watthanatham phaophan manut [Culture of Human Race]. Ubon Ratchathani: Yongsawat Printing.

Pongpit, S. (2020). phūmpanyā chāobān kap kānphatthanā chumchon. lem nưng, sō̜ng [Local Wisdom and Community Development (Vol. 1 and 2)]. Bangkok: Wisdom Foundation and Village Foundation.

Pongsapitch, A. (1997). sangkhom læ watthanatham (phim khrang thī hok) [Society and Culture (6th ed.)]. Bangkok: Chulalongkorn University Press.

Royal Academy. (2013). photčhanānukrom chabap banthittayasathān Phō̜.Sō̜. sō̜ngphanhārō̜ihāsipsī (phim khrang thī sō̜ng) [Royal Institute Dictionary (2nd ed.)]. Bangkok: Nanmee Books Publications.

Saihoo, P. (1988). nǣothāng kān songsœ̄m læ phœ̄iphrǣ watthanatham phư̄nbān Thai [The Methods for Promoting and Distributing Thai Local Culture]. Bangkok: Teachers’ Council of Thailand Printing, Ladprao.

Samakkan, S. (1982). withīkān sưksā sangkhom manut kap tūa bǣp samrap sưksā sangkhom Thai [The Study of Human Society and A Model for Studying Thai Society]. Bangkok: National Institute of Development Administration.

Santasombat, Y. (1997). manut kap watthanatham (phim khrang thī sām) [Human and Culture (3rd ed.)]. Bangkok: Thammasat University Press.

Tungchareon, W. (2009). suntharīyasāt phư̄a chīwit (phim khrang thī sō̜ng) [Aesthetics for Life (2nd ed.)]. Bangkok: E and IQ Publisher.

Wannasiri, P., N. (1997). mānutsayawitthayā sangkhom læ watthanatham [Social Anthropology and Culture]. Bangkok: Thammasat University Press.