รูปแบบการสื่อสารเพื่อการจัดการการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนแบบร่วมมือทุกภาคส่วนในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี

Main Article Content

ละเอียด ขจรภัย (Laiad Kajonpai)

บทคัดย่อ

การวิจัยนี้ เป็นการวิจัยแบบผสมผสาน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษารูปแบบการสื่อสารเพื่อการจัดการการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนแบบร่วมมือทุกภาคส่วน ในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี และ          2) เสนอรูปแบบการสื่อสารเพื่อการจัดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนแบบร่วมมือทุกภาคส่วนในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี ขอบเขตการวิจัย คณะผู้วิจัยศึกษาสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ คือ               วัด จำนวน 9 วัด ในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี ได้แก่ วัดโบสถ์ วัดชินวราราม วัดเจดีย์หอย วัดศาลเจ้า   วัดหงษ์ปทุมาวาส วัดสิงห์ วัดศาลาแดงเหนือ วัดสองพี่น้อง และวัดบางนา โดยกลุ่มตัวอย่างที่ใช้         ในการศึกษาเป็นนักท่องเที่ยว และประชาชนในจังหวัดปทุมธานี จำนวน 400 คน เครื่องมือที่ใช้           ในการวิจัย คือ แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ การสังเกต แบบสนทนากลุ่มย่อย และจัดเวทีประชาคม ซึ่งทดสอบความเที่ยงตรงของเครื่องมือ (IOC) มีค่าเท่ากับ 0.8 และทดสอบหาค่าความเชื่อมั่นของเครื่องมือ มีค่าเท่ากับ 0.76 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าความถี่ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และความสัมพันธ์เชิงพหุคูณ 


          ผลการวิจัยพบว่า


  1. ความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อรูปแบบการสื่อสาร โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (  gif.latex?\bar{X}= 4.23, S.D. = 0.76) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านเรียงลำดับตามค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย พบว่า รูปแบบการสื่อสารที่จำแนกตามทิศทางของการติดต่อสื่อสารมีค่าเฉลี่ยสูงสุด รองลงมาคือ รูปแบบการสื่อสารที่จำแนกตามช่องทางของข่าวสาร และด้านที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุดคือ รูปแบบการสื่อสารที่จำแนกตามลักษณะการใช้ในการสื่อสาร

  2. ความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อการจัดการการท่องเที่ยว โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด    ( gif.latex?\bar{X} = 4.32, S.D. = 0.72) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านเรียงลำดับตามค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย  พบว่า การจัดการการท่องเที่ยวด้านสิ่งแวดล้อม มีค่าเฉลี่ยสูงสุด รองลงมาคือ การจัดการการท่องเที่ยวด้านเศรษฐกิจ และด้านที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด คือ การจัดการการท่องเที่ยวด้านสังคมและวัฒนธรรม

  3. ความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนแบบร่วมมือทุกภาคส่วน  โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( gif.latex?\bar{X} = 4.35, S.D. = 0.70)  เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านเรียงลำดับตามค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย พบว่า การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนแบบร่วมมือทุกภาคส่วน ด้านการพัฒนาจิตสำนึกทางการท่องเที่ยวมีค่าเฉลี่ยสูงสุด รองลงมาคือ การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนแบบร่วมมือทุกภาคส่วน ด้านการพัฒนาทรัพยากรท่องเที่ยว และด้านที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุดคือ การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนด้านการพัฒนาสิ่งแวดล้อมในแหล่งท่องเที่ยวและการพัฒนาธุรกิจท่องเที่ยว

  4. รูปแบบการสื่อสารมีความสัมพันธ์กับการจัดการการท่องเที่ยว ส่วนรูปแบบการสื่อสารและการจัดการการท่องเที่ยวมีความสัมพันธ์กับการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

          5. รูปแบบการสื่อสารเพื่อการจัดการการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนแบบร่วมมือทุกภาคส่วนในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี คือ รูปแบบการสื่อสารที่มีลักษณะตามทิศทางของการติดต่อสื่อสาร ได้แก่ การสื่อสารจากบนลงล่าง จากล่างขึ้นบน และแนวนอน นอกจากนี้เป็นรูปแบบการสื่อสารในลักษณะตามช่องทางของสาร ได้แก่ การสื่อสารทางเดียว และการสื่อสารสองทาง ซึ่งทั้ง 2 ลักษณะนี้จะทำให้การจัดการท่องเที่ยวได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการดำเนินงานหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงการประชาสัมพันธ์แหล่งเที่ยวที่น่าสนใจให้เป็นที่รู้จัก ซึ่งส่งผลกระทบทำให้แหล่งท่องเที่ยวมีความยั่งยืน

Article Details

ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

Berlo, D. K. (1960). The process of communication. New York: Holt, Rinehart & Winston.

Chitthawattana, B. & Sikhamapa, P. (2014). kānphatthanā kānthō̜ngthīeo bǣp yangyư̄n [Sustainable tourism development]. 2nd ed. Bangkok: Dharmasarn Printing Company Limited.

Esichaikul, R. (2014). kānčhatkān kānthō̜ngthīeo chapho̜ thāng [Niche tourism management]. Nonthaburi: The Office of the University Press Sukhothai Thammathirat Open University.

Gambl, T. K. & Gamble, M. (1999). Communication works. 6th ed. Boston: McGraw-Hill.

Hintow, B. (2010). rūpbǣp kānsư̄sān yāng mī sūan rūam khō̜ng chāobān phư̄a kānčhatkān pā chumchon yāng yangyư̄n kō̜ranī pā chumchon tambon ʻibun ʻamphœ̄ lom sak čhangwat phet būn [A participatory communication patterns about sustainable community forest management: a case study of tambon tha-i-boon, lomsak district, Phetchabun province]. Phetchabun Rajabhat University.

Hunnark, C. (2016). kānphatthanā kānthō̜ngthīeo chœ̄ng prawattisāt nai čhangwat samut songkhrām [The development of historical tourism in Samut Songkhram province]. Academic Services Journal, Prince of Songkla University. 27(1), 39-46.

Mowforth, M. and Munt, l. (2009). Tourism and Sustainability: Development, Globalization and New Tourism in the third Word. 3rd ed. London: Routledge.

Ngamyingyong, N. & Silanoi, L. (2017). nǣothāng kānphatthanā kānthō̜ngthīeo yāng yangyư̄n chumchon bō̜riwēn rim fang khlō̜ng damnœ̄n sadūak nai čhangwat samut sākō̜n læ čhangwat rāt burī [Guidelines on sustainable tourism development at the lakhacommunity on the banks of damnoensaduak canal in samutsakhonand Ratchaburi provinces]. Dusit Thani College Journal. 11(1), 149-166.

Pongsakornrungsil, P. (2014). kānčhatkān kānthō̜ngthīeo chumchon yāng yangyư̄n : kō̜ranī sưksā bān khōk khrai čhangwat Phangngā [The management of sustainable community-based tourism: the case of ban kokekrai, phang nga province]. Journal of Education Veridian E-journal. 7(3), 650-665.

Sharpley, Richard. (2009). Tourism Development and the Environment: beyond Sustainability. London: Earth Scan.

Smith, A. G. (Ed.). (1966). Communication and culture: Reading in the codes of human interaction. New York: Holt, Rinehart & Winston.

Swasburi, O. & Komolsevin, R. (2009). rūpbǣp kānsư̄sān khō̜ng nakkānmư̄ang thō̜ngthin [Communication forms of local politicians]. University of the Thai Chamber of Commerce Journal Humanities and Social Sciences. 29(4), 41.

Wood, J. T. (2000). Communication in our lives. 2nd ed. Belmont, CA: Wadsworth.

Yamane, T. (1973). Statistic: An introduction analysis.3rd ed. New York: Harper and Row Publication.