อิเหนา : ละครในของหลวงในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความนี้มุ่งศึกษารูปแบบของการแสดงละครในของหลวง เรื่อง อิเหนา ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์โดยศึกษาข้อมูลจากเอกสาร การสัมภาษณ์ การสังเกตการณ์ รวมทั้งจากประสบการณ์ของผู้วิจัยผลการศึกษาพบว่า การแสดงละครในของหลวงในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์จะแสดงเพียง 3 เรื่อง ได้แก่ อิเหนา อุณรุท และรามเกียรติ์ ซึ่งเรื่องอิเหนาจะได้รับความนิยมนำมาแสดงมากที่สุด ด้วยเหตุผลจากรูปแบบการแสดง ที่ประกอบไปด้วยความงามที่สำคัญ 5 ด้านตามหลักการแสดงละครใน ได้แก่ ตัวละครงาม กล่าวคือ ตัวละครส่วนใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นจะเน้นรูปโฉมที่งดงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์จะใช้ผู้แสดงที่เป็นนางในราชสำนักซึ่งได้รับการคัดเลือกและฝึกหัดเป็นอย่างดี กระบวนท่ารำงาม กล่าวคือ ท่ารำได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นอย่างประณีตและสอดคล้องกับบทจึงมีลักษณะอ่อนช้อยงดงาม สามารถสอดแทรกลีลาท่ารำของผู้แสดงได้อย่างลงตัว เครื่องแต่งกายงามอันเกิดจากการนำเครื่องต้นเครื่องทรงของพระมหากษัตริย์แต่โบราณมาใช้เป็นต้นแบบ ในการสร้าง เพลงร้องและดนตรีจะเป็นทำนองเพลงที่เรียกว่า “ทางใน” ซึ่งมีความไพเราะนุ่มนวลเหมาะกับกระบวนท่ารำโดยใช้วงปี่พาทย์ไม้นวมบรรเลงประกอบการแสดง รวมทั้งบทกลอนไพเราะซึ่งเน้นบทพรรณนาความงามของสิ่งต่าง ๆ เพื่อให้เห็นความงดงามอย่างชัดเจนและยังสอดแทรกให้เห็นถึงสภาพสังคม จารีตขนบธรรมเนียมประเพณีต่าง ๆ นอกจากความงามที่สำคัญ 5 ด้านดังกล่าวยัง พบว่า ครูหรือผู้เชี่ยวชาญซึ่งทำหน้าที่พิจารณาคัดเลือกและควบคุมการสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ เพื่อนำมาปรุงแต่งจนเกิดความงามที่สมบูรณ์ เป็นองค์ประกอบอีกส่วนที่สำคัญสำหรับ การแสดงแต่ละครั้งอีกด้วย
Article Details
บทความทุกเรื่องได้รับการตรวจความถูกต้องทางวิชาการโดยผู้ทรงคุณวุฒิ ทรรศนะและข้อคิดเห็นในบทความวารสารบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ มิใช่เป็นทรรศนะและความคิดของผู้จัดทำจึงมิใช่ความรับผิดชอบของบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ กองบรรณาธิการไม่สงวนสิทธิ์การคัดลอก แต่ให้อ้างอิงแหล่งที่มา
เอกสารอ้างอิง
Buranakhet, P. (1997). nāngnai : chīwit thāng sangkhom læ botbāt nai sangkhom Thai samai ratchakān thī hā [Royal wives : a study of their way of life and role in the thai social structure during the reign of King Rama V]. Master’s thesis. Thammasat University.
Chitsopa, C. (2012). wikhro̜ nǣokhit khō̜ng ratchakān thī sī thī sathō̜n phān ngān čhittrakam rư̄ang ʻinao nai phra wihānlūang wat sōmmana wihān [Analysis of King Rama IV’s concept through the mural paintings, the story of Inao in vihara, wat somanat wihan]. Damrong Journal. 11(2), 202-203.
Damrong Rajanubhab. (2003). lakhō̜n fō̜nram [Dance drama]. Bangkok: Matichon.
Fachamroon, S. (2017, September 8). Interview by K. Kongthaworn [Tape recording]. Bangkok.
Kijkhum, C. (2004). nāttaya lak tūaphra lakhō̜n bǣp lūang [The essence of male classical dance]. Doctoral dissertation. Chulalongkorn University.
Kongthaworn, K. (2017). phāpthāi čhāk ngān phra rāt phithī thawāi phra phlœ̄ng phra bō̜rom sop His Majesty The Late King [Photo of the royal cremation ceremony of his majesty the late king]. Bangkok.
Limschoon, P. (1994). lakkān khō̜khit læ nǣothāng patibat khō̜ng lakhō̜nram : lakhō̜nnai [Principles, concepts and practices of classical dance : lakhonnai]. n.p.: n.d.
Sumitra, A. (1973). lakhō̜nnai khō̜nglūang nai samai ratchakān thī sō̜ng [Lakhon nai of the royal court in the reign of King Rama II]. Master’s thesis. Chulalongkorn University.
Virulrak, S. (2004). wiwatthanākān nāttaya sin Thai nai krung Rattanakōsin Phō̜.Sō̜. 2325 - 2477 [Evolution of thai dance in rattanakosin era 1782-1934]. 2nd ed. Bangkok: Chulalongkorn University Press.