ผลการใช้กิจกรรม “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” เรื่องเพศศึกษา โดยใช้แนวคิดการพัฒนาด้านจิตพิสัยที่มีต่อค่านิยมทางเพศที่เหมาะสมกับสังคมไทย

ผู้แต่ง

  • ชัชวรรณ จูงกลาง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  • จินตนา สรายุทธพิทักษ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

คำสำคัญ:

เพศศึกษา, การพัฒนาด้านจิตพิสัย, ค่านิยมทางเพศ

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลการใช้กิจกรรม“ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” เรื่องเพศศึกษาก่อนทดลองของนักเรียนกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม โดยใช้แนวคิดการพัฒนาด้านจิตพิสัยที่มีต่อค่านิยมทางเพศที่เหมาะสมกับสังคมไทย เลือกตัวอย่างด้วยวิธีการสุ่มแบบง่าย (Sample random sampling) โดย
การจับฉลากตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นจำนวน 60 คน โรงเรียนเสาไห้ “วิมลวิทยานุกูล” จังหวัดสระบุรี แบ่งเป็นนักเรียนที่ได้รับการใช้กิจกรรม “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้”เรื่องเพศศึกษา โดยใช้แนวคิดการพัฒนาด้านจิตพิสัย จำนวน 30 คน และนักเรียนกลุ่มควบคุมที่ได้รับการใช้กิจกรรม “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้”เรื่องเพศศึกษาแบบปกติ จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้วิจัยได้แก่ แผนกิจกรรม “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” เรื่องเพศศึกษาโดยใช้แนวคิดการพัฒนาด้านจิตพิสัย จำนวน 8 แผนกิจกรรม และแบบวัดค่านิยมทางเพศที่เหมาะสมกับสังคมไทย วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ทดสอบความแตกต่างค่าเฉลี่ยของคะแนนด้วยการทดสอบค่าที (Dependent t-test ในการทดสอบภายในกลุ่ม และ Independent t-test ในการทดสอบระหว่างกลุ่ม)

ผลการวิจัยพบว่า 1) ค่าเฉลี่ยของคะแนนค่านิยมทางเพศที่เหมาะสมกับสังคมไทย หลังการทดลองของนักเรียนกลุ่มทดลองสูงกว่าก่อนการทดลอง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2) ค่าเฉลี่ยของคะแนนค่านิยมทางเพศที่เหมาะสมกับสังคมไทย หลังการทดลองของนักเรียนกลุ่มทดลองสูงกว่านักเรียนกลุ่มควบคุม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

ประวัติผู้แต่ง

ชัชวรรณ จูงกลาง, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

นิสิตมหาบัณฑิตสาขาสุขศึกษาและพลศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

จินตนา สรายุทธพิทักษ์, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

อาจารย์ประจำสาขา สุขศึกษาและพลศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เอกสารอ้างอิง

รายการอ้างอิง
ภาษาไทย

กลุ่มงานวิชาการสุขภาพจิต. (2548). ผลการศึกษาการบูรณาการกลุ่มตามแนวคิดพิจาณาความเป็นจริงร่วมกับการสอนเพศศึกษาต่อ ค่านิยมและพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศของนักเรียน (รายงานวิจัย), ขอนแก่น: โรงพยาบาลจิตเวชขอนแก่นราชนครินทร์.

แก้วตะวัน ศิริลักขณานันท์. (2553). การพัฒนาโปรแกรมการศึกษานอกระบบโรงเรียนสำหรับผู้ปกครองเพื่อสร้างเสริมความสามารถในการศึกษาเรื่องเพศศึกษาแก่บุตรหลานวัยรุ่น (วิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต ไม่ได้ตีพิมพ์). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, กรุงเทพฯ.

จินตนา สรายุทธพิทักษ์. (2557). การพัฒนารูปแบบการสอนตามแนวคิดการพัฒนาด้านจิตพิสัย เพื่อสร้างเสริมสุขภาพนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น. วารสารครุศาสตร์, 42(4), 43–61.

ณัฐติกา ขวกเขียว. (2554). การพัฒนารูปแบบการประเมินด้านจิตพิสัยเกี่ยวกับนิสัยรักการอ่าน ช่วงชั้นที่ 1-2 (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต ไม่ได้ตีพิมพ์). มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี, กาญจนบุรี.

ทิศนา แขมมณี. (2549). ศาสตร์การสอนองค์ความรู้เพื่อพัฒนาการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ(พิมพ์ครั้งที่3). กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

นภัสวรรณ บุญนิธี และสุทธิพงศ์ บุญผดุง(2558). การพัฒนาความใฝ่เรียนรู้โดยการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านตามทฤษฎีด้านจิตพิสัยของบลูม สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่6 (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต ไม่ได้ตีพิมพ์). มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา, กรุงเทพฯ.

ประพิมพร อันพาพรหม. (2543). การศึกษาค่านิยมทางเพศและพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ในโรงเรียนสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ในเขตกรุงเทพมหานคร (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต ไม่ได้ตีพิมพ์). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, กรุงเทพฯ.

ปาริฉัตร ทองเนื้อแข็ง และ จินตนา สรายุทธพิทักษ์. (2558). ผลของการจัดการเรียนรู้สุขศึกษาตามแนวคิดการพัฒนาด้านจิตพิสัย ที่มีต่อเจตคติด้านสุขภาพและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนประถมศึกษาปีที่ 5. วารสารครุศาสตร์, 43(1), 48-62.

พัชรี ตันศิริ. (2557). พฤติกรรมเสี่ยงทางเพศของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น (รายงานวิจัย). กาญจนบุรี: มหาวิทยาลัยเวสเทิร์น กาญจนบุรี.

ศักดา สามูล. (2545). การศึกษาค่านิยมทางเพศและพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศของนักศึกษาในมหาวิทยาลัยเอกชน (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต ไม่ได้ตีพิมพ์). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, กรุงเทพฯ.

สร้อยวลัย สุขดา. (2543). การศึกษาค่านิยมทางเพศและพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศของนักศึกษาในมหาวิทยาลัยของรัฐ (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต ไม่ได้ตีพิมพ์). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, กรุงเทพฯ.

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ. (2558). เผยสถิติแม่วัยรุ่นท้องซ้ำซาก. สืบค้นจากhttps://www.thaihealth.or.th/Content/25667-เผยสถิติแม่วัยรุ่นท้องซ้ำซาก.html

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2558). คู่มือการบริหารจัดการเวลาเรียน “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้”. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.

สำนักงานอนามัยเจริญพันธุ์.(2557). การตั้งครรภ์ในวัยรุ่น: นโยบายแนวทางการดำเนินงานและติดตามประเมินผล (พิมพ์ครั้งที่ 2). นนทบุรี: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.

สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา. (2551) แนวทางการจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.

เอมอัชฌา วัฒนบุรานนท์. (2553). การจัดการเรียนรู้เพศศึกษาโดยใช้รูปแบบ “ความรัก” เพื่อสร้างความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ตามแนวจิตตปัญญาศึกษา.กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ภาษาอังกฤษ.

Joyce, B. & Weil, M. (1996). Models of teaching (5th ed.). Boston: Allyn and Bacon.

Krathwohl, D. R., Bloom, B. S., & Masia, B. B. (1964a). Taxonomy of education objective: The classification of educational goals. New York: David Mckay.

Krathwohl, D. R., Bloom, B. S., & Masia, B. B. (1964b). Taxonomy of education objective: Handbook II: The affective domain. New York: David Mckay.

Raths, L. (1996). Values and teaching. Columbus, OH: Charles E. Merrill.

Shaftel, F. R., & Shaftel, G. (1982). Role-playing in the curriculum. Englewood Clifts, NJ: Prentice-Hall.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2019-09-30

รูปแบบการอ้างอิง

จูงกลาง ช., & สรายุทธพิทักษ์ จ. (2019). ผลการใช้กิจกรรม “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” เรื่องเพศศึกษา โดยใช้แนวคิดการพัฒนาด้านจิตพิสัยที่มีต่อค่านิยมทางเพศที่เหมาะสมกับสังคมไทย. วารสารครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 47(3), 175–195. สืบค้น จาก https://so02.tci-thaijo.org/index.php/EDUCU/article/view/218843