การตระหนักและรับรู้ความฉลาดทางอารมณ์และการรับรู้ความสามารถของตนเองที่ส่งผลต่อ การวางแผนการเงินส่วนบุคคลของข้าราชการทหารในกองทัพบก
Main Article Content
บทคัดย่อ
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความฉลาดทางอารมณ์กับการวางแผนทางการเงินของข้าราชการทหารที่เข้ารับการศึกษาในสถานศึกษาภายในกรมยุทธศึกษาทหารบก 2) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้ความสามารถของตนเองกับการวางแผนทางการเงินของข้าราชการทหารที่เข้ารับการศึกษาในสถานศึกษาภายในกรมยุทธศึกษาทหารบก ใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือ เก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างของข้าราชการทหารที่เข้ารับการศึกษาในสถานศึกษาภายในกรมยุทธศึกษาทหารบก จำนวน 350 ตัวอย่าง แล้ววิเคราะห์ผลด้วยสถิติเชิงพรรณนาและสถิติเชิงอนุมาน ประกอบการนำเสนอผลการวิจัยพบว่า ความฉลาดทางอารมณ์ด้านสุขมากที่สุด รองลงมาคือ ด้านเก่ง และด้านดี ตามลำดับ ระดับการรับรู้ความสามารถของตนเองอยู่ในระดับสูงมาก ส่วนการวางแผนทาง การเงินของข้าราชการทหารที่เข้ารับการศึกษาในสถานศึกษาภายในกรมยุทธศึกษาทหารบกอยู่ใน ระดับสูงมากโดยการประเมินสถานภาพของตนเองอยู่ในระดับสูงมาก การกำหนดเป้าหมายทางการเงิน อยู่ในระดับสูง การกำหนดทางเลือกและประเมินผลทางเลือกการเงินอยู่ในระดับสูง การปฏิบัติตามแผนการเงินอยู่ในระดับสูงมาก และการติดตามผลและปรับปรุงแผนการเงินอยู่ในระดับสูงมาก ส่วนผลการทดสอบสมติฐาน พบว่าปัจจัยส่วนบุคคล ด้านเพศ ด้านอายุ และด้านสถานภาพสมรส ที่แตกต่างกันมีการวางแผนทางการเงินส่วนบุคคลต่างกัน ความฉลาดทางอารมณ์ซึ่งประกอบด้วย ความฉลาดทางอารมณ์ด้านดี ความฉลาดทางอารมณ์ด้านเก่งและความฉลาดทางอารมณ์ด้านสุข ส่งผลต่อการวางแผนการเงินส่วนบุคคลของข้าราชการทหารที่เข้ารับการศึกษาในสถานศึกษาภายใน กรมยุทธศึกษาทหารบกและการรับรู้ความสามารถของตนเองมีความสัมพันธ์กับการวางแผนทางการเงินส่วนบุคคลของข้าราชการทหารที่เข้ารับการศึกษาในสถานศึกษาภายในกรมยุทธศึกษาทหารบก ดังนั้นควรส่งเสริมให้มีการวางแผนการเงินส่วนบุคคลของข้าราชการทหารที่เข้ารับการศึกษาในสถานศึกษาภายในกรมยุทธศึกษาทหารบก โดยการนำแนวทางพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์และการรับรู้ความสามารถของตนเองมากระตุ้นการวางแผนการเงินส่วนบุคคล
Downloads
Article Details
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารการบัญชีและการจัดการ
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยมหาสารคาม และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
เอกสารอ้างอิง
กรมยุทธศึกษาทหารบก. (2563). คุณภาพการศึกษา. ค้นเมื่อ 10 กรกฎาคม 2563, จาก http://qed-army.com
กรมวิชาการ. (2545). หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพฯ : คุรุสภาลาดพร้าว.
กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข. (2543). คู่มือความฉลาดทางอารมณ์. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.
กรมสุขภาพจิต. (2546). คู่มือความฉลาดทางอารมณ์ (พิมพ์ครั้งที่ 9). นนทบุรี : กรมสุขภาพจิต.
กัลยา วานิชย์บัญชา และธิตา วานิชย์บัญชา (2558). การใช้ SPSS for Windows ในการวิเคราะห์ข้อมูล (พิมพ์ครั้งที่ 25). กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์สามลดา.
กุลพัฒน์ ศิริกมล. (2559). การพัฒนาโปรแกรมจำลองแผนการเกษียณอายุ. การค้นคว้าอิสระบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
จันทร์เพ็ญ บุญฉาย. (2551). การจัดการการเงินส่วนบุคคล : กรณีศึกษาเฉพาะกลุ่มวัยทำงาน. กรุงเทพฯ :มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์.
ชินกฤต วงศ์รักษ์. (2564). การตัดสินใจลงทุนหุ้นสามัญในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อวางแผนการเกษียณของประชาชนในกรุงเทพมหานคร. วารสารการบัญชีและการจัดการ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 13(2), 176-190
ณ.ชนม์ ประยูรวงศ์. (2564). การรับรู้ความเสี่ยงและความไว้วางใจที่ส่งผลต่อการเลือกใช้เทคโนโลยีทางการเงิน .วารสารการบัญชีและการจัดการ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 13(1), 66-83
ประวัฒน์ เบญญาศรีสวัสดิ์ . (2561).การจัดการเงิน: กรณีศึกษาในด้านพฤติกรรมเกี่ยวกับเงินทัศนคติเกี่ยวกับเงิน และความรู้เกี่ยวกับเงินของพนักงานที่มีประสบการณ์การทำงานน้อยกว่า 5 ปี. วารสารวิชาการบริหารธุรกิจ.สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, 7(2), 77-93
บุญชม ศรีสะอาด. (2543). การวิจัยเบื้องต้น. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น.
ปุณณดา ราชรองไชย. (2553). การจัดการการเงินส่วนบุคคลตามหลักแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง. การค้นคว้าอิสระ ปริญญาบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต.
สิขเรศ ม่วงศิริ (2556). ปัญหาหนี้สินของข้าราชการทหารชั้นประทวน ในจังหวัดกาญจนบุรี. การค้นคว้าอิสระ ปริญญาบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยกรุงเทพ.
สำนักงานสถิติแห่งชาติ. (2563). สำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน. ค้นเมื่อ 10 กรกฎาคม 2563, จาก http://www.nso.go.th/siters/2014/Pages/New/2562/N17-10-62.aspx
เสนาะ กลิ่นงาม วิมลา พงศาธร โสภาพร กล่ำสกุล เชิดชัย ธุระแพง สรภพ อิสรไกรศีล ทิฆัมพร ชิยะพัฒน์ และคณะ. (2549). การศึกษาสถานภาพเศรษฐกิจ สังคม และภาวะหนี้สินของครัวเรือนของสมาชิกสหกรณ์การเกษตรกลัดหลวง จำกัด ในพื้นที่โครงการจัดพัฒนาที่ดินตามพระราชประสงค์หนองพลับกลัดหลวง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และจังหวัดเพชรบุรี. เพชรบุรี : มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี.
อนุธิดา ประเสริฐศักดิ์ (2559). การใช้ข้อมูลสารสนเทศจากการทำบัญชีครัวเรือนเพื่อวางแผนการเงินส่วนบุคคล. การค้นคว้าอิสระ บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยคริสเตียน.
อรณี ศรีคำมุล นภาภรณ์ พลนิกรกิจ และอุเทน เลานำทา. (2562). ความสัมพันธ์ระหว่างการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องทางวิชาชีพกับความสำเร็จในการทำบัญชีของนักบัญชี : กรณีศึกษานักบัญชีในธุรกิจสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มในประเทศไทย. วารสารการบัญชีและการจัดการ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 11(1), 91-102
Bandura, A. (1997). Self-Efficacy: The Exercise of Control. New York : W.H. Freeman and Company
Black, K. (2006). Business Statistics : for Contemporary Decision Making. 4th ed. New York : John Wily & Sons Inc.
Goleman, D. (1998). Working with Emotional Intelligence. New York : Bantam Books.
Macshane, S. L., & Von Glinow, M. A. (2005).Organizational Behavior. (3rd ed.). NewYork : McGraw-Hill.
Tell, A., & Ayeni. C. O. (2006). The Impact of Self-Efficacy and Prior Computer Experience on the Creativity of New Librarians in Selected Universities Libraries in Southwest Nigeria, Library Philosophy and Practice.
Yamane, T. (1973). Statistics : An Introductory Analysis (3rded.). New York : Harper & Row.