การจัดการห่วงโซ่อุปทานและโลจิสติกส์เพื่อความได้เปรียบทางการแข่งขันของ วิสาหกิจชุมชนและสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ในจังหวัดฉะเชิงเทรา

บทคัดย่อ

งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาสภาพการดำเนินกิจกรรมโลจิสติกส์และห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างการดำเนินกิจกรรมโลจิสติกส์และห่วงโซ่อุปทานกับประสิทธิภาพการดำเนินงานและ ความได้เปรียบทางการแข่งขัน และแนวทางการจัดการห่วงโซ่อุปทานและโลจิสติกส์ที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการดําเนินงานและความได้เปรียบทางการแข่งขันของวิสาหกิจชุมชนและสินค้าหนึ่ง ตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ในจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ ด้วยการใช้แบบสอบถาม รวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างวิสาหกิจชุมชนและสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ประเภทอาหารในอำเภอเมือง 80 รายและอำเภอบางคล้า 56 ราย รวมกลุ่มตัวอย่างจำนวน 136 ราย ผลการศึกษา พบว่า วิสาหกิจชุมชนและสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ในอำเภอเมืองและอำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา มีการปฏิบัติตามขบวนการทางด้านโลจิสติกส์และห่วงโซ่อุปทานโดยทั่วไปในระดับปานกลาง คือมีการปฏิบัติบ้างเป็น บางครั้ง การปฏิบัติตามขบวนการทางด้านโลจิสติกส์และห่วงโซ่อุปทานมีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกันกับประสิทธิภาพการดำเนินงานและความได้เปรียบทางการแข่งขัน และพบความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกันระหว่างประสิทธิภาพการดำเนินงานกับความได้เปรียบทางการแข่งขัน การศึกษาพบว่าการปฏิบัติ ทางด้านโลจิสติกส์และห่วงโซ่อุปทานและประสิทธิภาพการดำเนินงานที่เป็นตัวแปรที่สำคัญในสมการจำแนกประเภท (Discriminant) ที่ใช้จำแนกกลุ่มวิสาหกิจชุมชนและสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ออกเป็นกลุ่มตามระดับความได้เปรียบทางการแข่งขันคือสูงกว่า ต่ำกว่า หรือพอๆกัน เรียงลำดับ ได้แก่ การจัดการสินค้าคงคลัง การขนส่ง การจัดซื้อ/จัดหา ประสิทธิภาพการจัดการกิจการและความร่วมมือระหว่างกิจการ การเลือกสถานที่/การจัดเก็บสินค้า ระบบโลจิสติกส์ย้อนรอย ประสิทธิภาพในการขนถ่ายวัสดุ/สินค้า และการพยากรณ์ความต้องการ/การวางแผน โดยสมการจำแนกประเภทที่ได้สามารถอธิบายความผันแปรของข้อมูลได้ร้อยละ 73.9 และมีความถูกต้องในการทำนายการจำแนกกลุ่มได้ถูกต้อง โดยรวมร้อยละ 83.10