ความสัมพันธ์ของการสร้างสรรค์คุณค่าผลิตภัณฑ์กับผลการดำเนินงานของ ธุรกิจ OTOP ในจังหวัดมหาสารคาม
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาการสร้างสรรค์คุณค่าผลิตภัณฑ์มีความสัมพันธ์และผลกระทบ ที่มีต่อผลการดำเนินงานโดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากผู้บริหารธุรกิจ OTOP ในจังหวัดมหาสารคาม จำนวน 300 คน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ การวิเคราะห์สหสัมพันธ์แบบพหุคูณและการวิเคราะห์ความถดถอยแบบพหุคูณ ผลการวิจัยพบว่า การสร้างสรรค์คุณค่าผลิตภัณฑ์ ด้านคุณภาพการบริการ ด้านราคา และด้านภาพลักษณ์ มีความสัมพันธ์และผลกระทบเชิงบวก กับผลการดำเนินงานโดยรวม ดังนั้น ธุรกิจ OTOP ควรให้ความสำคัญกับการบริการที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยพัฒนาการบริการที่สามารถให้บริการที่เหนือความคาดหวังของลูกค้า เพื่อสร้างความแตกต่างในการให้บริการ และรวมถึงการให้บริการที่คำนึงถึงลูกค้าเป็นสำคัญ
Downloads
Article Details
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารการบัญชีและการจัดการ
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยมหาสารคาม และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
เอกสารอ้างอิง
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า. (2562). พิมพ์เขียวนวัตกรรมการตลาดผลิตภัณฑ์ชุมชน ปี 2557-2561 ส่งเสริมตลาดออนไลน์ Thaicommercestore.com และ Thai commerce shop. นนทบุรี : กรมพัฒนาธุรกิจการค้า.
เกษมจิต เขาเขียว. (2558). ผลกระทบของความได้เปรียบทางการตลาดแบบยั่งยืนที่มีต่อความสำเร็จในการดำเนินงานของธุรกิจอุตสาหกรรมอาหารในประเทศไทย. วิทยานิพนธ์ปริญญาบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการการตลาด มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
จุฑาณัฐ สินธุศิริ. (2561). ผลกระทบของการจัดการคุณภาพผลิตภัณฑ์ที่มีต่อความสำเร็จขององค์กรของธุรกิจผลิตเสื้อผ้าแบรนด์ไทย. วิทยานิพนธ์ปริญญาบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการการตลาด. มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
ตติย อัครวานิชตระกูล. ประเด็นสัมภาษณ์ผู้บริหารโอทอป. ค้นเมื่อ 23 กรกฎาคม 2559, จาก otopprachuap.com.
ธานี วรรณพัฒน์ และคณะ. (2555). สรุปผลการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน. กรุงเทพฯ : อัพทรูยู ครีเอทนิว.
บุญชม ศรีสะอาด. (2556). การวิจัยเบื้องต้น. พิมพ์ครั้งที่ 9. กรุงเทพฯ : บุญศิริการพิมพ์.
ปรางวลัย กิระพล. (2557). งานเทศกาลธุรกิจ OTOP. ค้นเมื่อ 23 กรกฎาคม 2559. จาก surinotop05.blogspot.com.
ปิยนุช ภักดียุทธ. (2551). ความสัมพันธ์ระหว่างประสิทธิภาพทางการตลาดกับความสำเร็จในการดำเนินงานของธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย. วิทยานิพนธ์ปริญญาการจัดการมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
รุ่งนภา พันมะลี และฉัฐวัฒน์ ลิมป์สุรพงษ์. (2558). การรับรู้การสนับสนุนจากองค์การและวัฒนธรรมองค์การที่มีผลต่อผลการดาเนินงานขององค์การ: หลักฐานเชิงประจักษ์จากพนักงานธุรกิจเดย์สปาในประเทศไทย. วิทยานิพนธ์ปริญญาบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการการตลาด มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติจังหวัดสกลนคร.
รัชศิชภ ธีรัชต์กุล. (2552). ความสัมพันธ์ระหว่างการเพิ่มคุณค่าให้แก่ลูกค้ากับผลการดำเนินงานของบริษัทประกันในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. วิทยานิพนธ์ปริญญาบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการการตลาด มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
สุภาพร เสรีรัตน์. (2552). ผลกระทบของประสิทธิภาพการบริหารการเปลี่ยนแปลงที่มีต่อผลการดำเนินงานของธุรกิจโรงแรมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. วิทยานิพนธ์ปริญญาการจัดการมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้ามหาสารคาม. (2562) ผู้ประกอบการธุรกิจโอทอปในจังหวัดมหาสารคาม . ค้นเมื่อ 25 เมษายน 2562, จาก http://www.dbd.go.th/mahasarakham/main.php?filename=index.
Black, K. (2006). Business statistics: for contemporary decision making. John Wiley & Sons
Czellar, S. (2002). Consumer attitude toward brand extensions: an integrative model and research propositions. International Journal of Research in Marketing, 20(1), 97-115.
Kaplan, R. S., & Norton, D. P. (1996). The Balanced Scorecard: Translating into Action. Boston : Harvard Business School Press.
Nunnally, J. C. (1987). Psychometric theory. (2nd ed.). New York : McGraw-Hill.
Nunnally, J. C., & Bernstein, I. H. (1994). Psychometric theory. Validity, 3, 99-132.
Phillips, P. A. (2007). The balanced Scorecard and Strategies Control: A hotel case Study analysis, Service Industries Journal, 27(6), 731-746.