ความนิยมทางการเมืองของประชาชนที่ส่งผลต่อพฤติกรรมนักการเมือง ในจังหวัดปทุมธานี

Main Article Content

หฤษฏ์ เดชกำแหง
ธนกฤต โพธิ์เงิน
วิทยา สุจริตธนารักษ์

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับพฤติกรรมนักการเมืองที่พึงประสงค์ 2) วิเคราะห์ความนิยมทางการเมืองของประชาชนที่ส่งผลต่อพฤติกรรมนักการเมืองที่พึงประสงค์ ในจังหวัดปทุมธานี และ 3) เสนอแนวทางการส่งเสริมพฤติกรรมนักการเมืองที่พึงประสงค์ ในจังหวัดปทุมธานี เป็นวิจัยแบบผสมวิธี ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ได้แก่ ประชาชนที่มีอายุ 18 ปีอาศัยอยู่ในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี จำนวน 1,190,060 คน นำมาคำนวณขนาดกลุ่มตัวอย่างโดยวิธีเปิดตารางของ เครจซี่ และมอร์แกน ได้จำนวน 400 คน สัมภาษณ์ ข้าราชการและผู้นำชุม จำนวน 15 คน เครื่องมือการวิจัยได้แก่ แบบสอบถามที่เป็นมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ แบบสัมภาษณ์และนำข้อมูลคุณภาพมาวิเคราะห์สรุปเนื้อหา สถิติที่ใช้ได้แก่ แจกแจงความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ


ผลการวิจัยพบว่า 1)  ระดับพฤติกรรมนักการเมืองที่พึงประสงค์โดยรวม อยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณา เป็นรายด้านค่าเฉลี่ยมากไปน้อย พบว่า อยู่ในระดับมากทั้ง 5 ด้านได้แก่ พฤติกรรมของนักการเมือง ด้านจริยธรรม มีค่าเฉลี่ยสูงสุด รองลงมาคือ พฤติกรรมของนักการเมืองด้านเคารพต่อระเบียบ กฎเกณฑ์ และ มีวินัยในตนเอง พฤติกรรมของนักการเมืองด้านเอาใจใส่ในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ พฤติกรรมของนักการเมืองด้านใช้ความสามารถอย่างเต็มที่ และ พฤติกรรมของนักการเมืองด้านความรับผิดชอบ มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด 2) ผลการวิเคราะห์ความนิยมทางการเมืองของประชาชน ที่ส่งผลต่อพฤติกรรมนักการเมืองที่พึงประสงค์ ในจังหวัดปทุมธานี พบว่า ตัวแปร 4 ด้าน ได้แก่ ด้านความนิยมสถานะทางสังคม ด้านความรู้ความสามารถพิเศษ ด้านความสัมพันธ์กับเครือข่าย และด้านการมีประสบการณ์ทางการเมือง ร่วมกันส่งผลต่อพฤติกรรมนักการเมืองที่พึงประสงค์ ในจังหวัดปทุมธานี ได้ร้อยละ 29.90 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ 3) แนวทางการส่งเสริมพฤติกรรมนักการเมืองที่พึงประสงค์ ในจังหวัดปทุมธานี ภาครัฐต้องมีนโยบายและกลไกต่าง ๆ                เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมืองมากขึ้นพรรคการเมืองควรพัฒนากลยุทธ์และแนวทางในการหาเสียงเลือกตั้งโดยมุ่งเน้นไปที่นโยบายที่ชัดเจน และสามารถตอบสนองความต้องการของประชาชน

Article Details

ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

ชนกนาถ พูลสวัสดิ์. (2554). ความนิยมทางการเมืองพรรคการเมืองในสังคมไทย ศึกษาเปรียบเทียบพรรคประชาธิปัตย์ในสงขลาและตาก. วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย, 4(3), 171.

ณัฐพงศ์ บุญเหลือ และสุวิชา วรวิเชียรวงษ์. (2561). นักการเมืองถิ่นจังหวัดกาญจนบุรี. วารสารวิจัยและพัฒนา วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์, 13(3), 163-173.

ทินพันธ์ นาคะตะ. (2541). "นักคิดผู้ยิ่งใหญ่ของโลก : ปรัชญาและทฤษฎีการเมือง". กรุงเทพมหานคร : โครงการเอกสารและตำรา สมาคมรัฐประศาสนศาสตร์ นิด้า.

_______. (2546). วิถีชีวิตไทย : วัฒนธรรมทางการเมืองของคนรุ่นใหม่. กรุงเทพมหานคร : โครงการเอกสารและตำราสมาคมรัฐประศาสนศาสตร์ นิด้า.

ธาตรี มหันตรัตน์ และคณะ. (2559). บูรณาการองค์รวม : แนวทางคุ้มครองมรดกโลก กรณีอุทยานอุทัยธานี. เรียกใช้เมื่อ 12 มกราคม 2566 จาก https://so06.tcihaijo.org/index.php/jra/article/view/251184

พระทรงวุฒิ รัตนะ, เติมศักดิ์ ทองอินทร์ และสุรพล สุยะพรหม. (2563). การกล่อมเกลาทางการเมืองของประชาชนที่มีผลต่อการใช้สิทธิเลือกตั้งทั่วไปในอำเภอบ้านธิ จังหวัดลำพูน. เรียกใช้เมื่อ 12 มกราคม 2566 จาก https://so08.tci-haijo.org/index.php/AJPP/issue/download/152/214

วัลลภ รัฐฉัตรานนท์ และนพพล อัคฮาด. (2557). ความนิยมของคนอีสานที่มีต่อพรรคเพื่อไทย: ศึกษากรณีจังหวัดขอนแก่น. วารสารรัฐศาสตร์ปริทรรศน์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, 1(1), 76 - 100.

Krejcie R.V., and D.W. Morgan. (1970). “Determining Sample Size for Research Activities”. Educational and Psychological Measurement, 30(3).