การสื่อสารผ่านโทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟนในฐานะสื่อวัฒนธรรมประชานิยม (Popular Culture) ของผู้บกพร่องทางการได้ยินในเขตกรุงเทพมหานคร

Main Article Content

พงศ์สุภา ศิริสุขเจริญพร
สหภาพ พ่อค้าทอง

บทคัดย่อ

การวิจัยเรื่อง "พฤติกรรมการสื่อสารผ่านโทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟนในฐานะสื่อวัฒนธรรมประชานิยม (Popular Culture) ของผู้บกพร่องทางการได้ยินในเขตกรุงเทพมหานคร"  มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาถึงพฤติกรรมการสื่อสารผ่านโทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟนผู้บกพร่องทางการได้ยินในเขตกรุงเทพมหานคร 2) เพื่อศึกษาถึงการใช้ประโยชน์จากแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟนของผู้บกพร่องทางการได้ยินในเขตกรุงเทพมหานคร 3) เพื่อศึกษาถึงปัจจัยในการใช้โทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟนของผู้บกพร่องทางการได้ยินในเขตกรุงเทพมหานครเป็นสื่อวัฒนธรรมประชานิยม (Popular Culture)  การศึกษาวิจัยในครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบผสมผสาน (Mixed Method Research) เก็บข้อมูลเชิงปริมาณ ด้วยวิธีการสำรวจ(Quantitative Research) เพื่อทำการวิเคราะห์และทดสอบทฤษฎี โดยใช้เครื่องมือในการวิจัย คือ แบบสอบถาม ในการเก็บรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ด้วยวิธีทางสถิติต่างๆ ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าไคสแควร์ (Chi - square) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบ T-Test การทดสอบ F-Test การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-Way ANOWA) รวมทั้งใช้ค่าสัมประสิทธิ์แบบเพียร์สัน(Pearson Product Moment) ร่วมกับการเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) โดยการสัมภาษณ์เจาะลึกและสังเกตแบบมีส่วนร่วม โดยมีกลุ่มตัวอย่างคือ ผู้บกพร่องทางการได้ยินที่มีการใช้โทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟน (Smartphone) ในเขตกรุงเทพมหานครและผู้ที่สื่อสารกับผู้บกพร่องทางการได้ยิน ซึ่งประกอบไปด้วยผู้ปกครองและเพื่อนของผู้บกพร่องทางการได้ยิน จำนวน 100 คน เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายเป็นบุคคลกลุ่มพิเศษมีจำนวนประชากรน้อยกว่าคนปกติทั่วไปผู้วิจัยจึงทำการเก็บข้อมูลเพียง 100 คน


          ผลการวิจัยในเชิงปริมาณ พบว่า ประชากรกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศชายมากกว่าเพศหญิง โดยเป็นเพศชายร้อยละ 77 มากกว่าเพศหญิงที่มีค่าร้อยละ 23 ผู้บกพร่องทางการได้ยินในช่วงอายุ 31 - 35 ปี มีพฤติกรรมการสื่อสารกับคนปกติมากกว่าผู้บกพร่องทางการได้ยินด้วยกัน  พฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟน โดยรวมอยู่ในระดับมาก คือ มีพฤติกรรมการใช้ทุกวันวันละ 3 - 6 ครั้ง  มีระยะเวลาในการใช้ครั้งละ 10 – 30 นาที นอกจากนี้ยังมีการใช้แอพพลิเคชั่นประเภทเครือข่ายสังคมออนไลน์บนโทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟนมากที่สุด ร้อยละ 93 และใช้ประโยชน์จากการสื่อสารผ่านโทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟน โดยใช้แอพพลิเคชั่นประเภทเครือข่ายสังคมออนไลน์บ่อยที่สุด ร้อยละ 100 เพื่อประโยชน์ในการหาข้อมูลข่าวสารที่ทันสมัยทั้งเรื่องของเพื่อนคนรู้จักและเรื่องทั่วไป ซึ่งจากพฤติกรรมการสื่อสารผ่านโทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟน และความพึงพอใจในการใช้ประโยชน์จากแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟน


ผู้บกพร่องทางการได้ยินมีพฤติกรรมการสื่อสารผ่านโทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟน นำประโยชน์จากเทคโนโลยีมาช่วยให้การสื่อสารสะดวก รวดเร็วขึ้น พบว่า เทคโนโลยีได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการสื่อสารของผู้บกพร่องทางการได้ยินอย่างเต็มที่ในช่วงเวลาปัจจุบัน อาจเป็นเพราะว่าเทคโนโลยีการสื่อสารผ่านโทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟน  มีการพัฒนาจนสามารถตอบสนองปัจจัยในด้านต่าง ๆ ที่สนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของผู้บกพร่องทางการได้ยิน เช่น ปัจจัยทางด้านจิตวิทยา ทัศนคติ ค่านิยม วัฒนธรรม และความสามารถในการใช้ภาษา 


          การพัฒนาเทคโนโลยี ทำให้โทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟนสามารถตอบโจทย์ความต้องการด้านต่างๆ ของผู้บกพร่องทางการได้ยินได้อย่างเหมาะสม ประกอบกับผู้บกพร่องทางการได้ยินเล็งเห็นถึงความสำคัญในการสื่อสารผ่านโทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟน  มีความสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมทางสังคมของผู้บกพร่องทางการได้ยิน ที่พบว่าคนปกติและผู้บกพร่องทางการได้ยิน ล้วนมีการใช้โทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟนกันอย่างแพร่หลายและเป็นตัวแปรสำคัญอีกประการหนึ่ง ที่ทำให้ผู้บกพร่องทางการได้ยินใช้โทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟน ทำให้การสื่อสารผ่านโทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟนตกอยู่ในกระแสวัฒนธรรมประชานิยม  (Popular Culture)

Article Details

ประเภทบทความ
Articles
ประวัติผู้แต่ง

พงศ์สุภา ศิริสุขเจริญพร

พงศ์สุภา ศิริสุขเจริญพร (นศ.ม. นิเทศศาสตร์  มหาวิทยาลัยศรีปทุม วิทยาเขตชลบุรี  E-mail : kaewz.lover@gmail.com)

สหภาพ พ่อค้าทอง, หลักสูตรนิเทศศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีปทุม วิทยาเขตชลบุรี

สหภาพ พ่อค้าทอง (ปร.ด. การจัดการการสื่อสาร, ราชภัฏสวนดุสิต) ปัจจุบันเป็นอาจารย์ประจำหลักสูตรนิเทศศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีปทุม วิทยาเขตชลบุรี

เอกสารอ้างอิง

ศุภศิลป์ กุลจิตต์เจือวงศ์.(2555).นวัตกรรมการสื่อสารเพื่อพัฒนาสังคมกับกฎหมาย และจริยธรรม สื่อสารมวลชน. กรุงเทพฯ : วารสารกฎหมายสุโขทัยธรรมาธิราช.
พภัช เชิดชูศิลป์. (2557). พฤติกรรมการใช้ไลน์ที่มีผลต่อความพึงพอใจและการใช้ประโยชน์ของนักศึกษามหาวิทยาลัยศรีปทุม.บทความวิชาการ หลักสูตรนิเทศศาสมหาบัณฑิต คณะนิเทศศาสตร์, มหาวิทยาลัยศรีปทุม.
ภัทร ด่านอุดม. (2541).หากดูไม่เป็นการรบกวนก็จะชวนมาศึกษา Popular Culture กัน(พิมพ์ครั้งที่ 3).กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์รัฐศาสตร์สาร.
สำนักงานสถิติแห่งชาติ ศูนย์สารสนเทศยุทธศาสตร์ภาครัฐ.(2554), ผลสำรวจมูลค่าการตลาดโทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟนในปี 2554 (ออนไลน์).เข้าถึงได้จาก:http://www.nic.go.th/ : [2555, 13 กันยายน].
สำนักงานสถิติแห่งชาติ.(2556), การสำรวจผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ (ออนไลน์). เข้าถึงได้จาก: http://www.nso.go.th/ [2557, 22 กันยายน]
สำนักงานสถิติแห่งชาติ. (2555), จำนวนผู้บกพร่องทางการได้ยินในประเทศไทย (ออนไลน์). เข้าถึงได้จาก http://www.nso.go.th :[2555, 13 กันยายน].
สถาบันวิจัยประชากรศาสตร์และสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล.(2557) , สารประชากรมหาวิทยาลัยมหิดลประชากรของประเทศไทย พ.ศ. 2557 (ออนไลน์).เข้าถึงได้จาก: http://www.ipsr.mahidol.ac.th [2557, 19 กรกฎาคม].
สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ.(2557), รายงานข้อมูลสถานการณ์ด้านคนพิการ ในประเทศไทย ประจำปี 2557 (ออนไลน์).เข้าถึงได้จาก: http://dep.go.th [2557, 1 กันยายน].
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐออนไลน์.(2557), เทคโนโลยีการสื่อสารทางโทรศัพท์มือถือแบบ 3G (ออนไลน์). เข้าถึงได้จาก : https://www.thairath.co.th/newspaper [2557, 22 กันยายน].
McQuail, D. (2005). McQuail's Mass Communication Theory.(5th edition). London: Sage Publications.
Rogers, E.M. & F. Floyd Shoemaker. (1971).Communication of diffusions: a cross cultural approach. (2nd edition)., Newyork: The Free Press,.
Yamane, Taro. (1973).Statistics: An Introductory Analysis (3rd edition). Newyork : Harper and Row Publication.