สื่อสังคมออนไลน์เฟซบุ๊กและทวิตเตอร์กับความสนใจ ความผูกพัน และการมีส่วนร่วมทางการเมือง

Main Article Content

อัจฉรา ปัณฑรานุวงศ์

บทคัดย่อ

การวิจัยเรื่องการศึกษาผลของการเลือกเปิดรับข่าวสารต่อความสนใจ ความผูกพัน และการมีส่วนร่วมทางการเมืองผ่านสื่อสังคมออนไลน์เฟซบุ๊ก (Facebook) และทวิตเตอร์ (Twitter) เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ ด้วยวิธีการสำรวจ (survey) กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างจำนวน 400 คน และใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือเก็บข้อมูล
ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ใช้ทั้งเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ในการติดตามเนื้อหาด้านการเมืองเป็นประจำ สำหรับประเด็นความสนใจทางการเมือง พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีความสนใจทางการเมืองในระดับมากในขณะที่ ด้านความผูกพันทางการเมือง พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ไม่ระบุพรรคการเมือง/กลุ่มการเมืองที่ตนชื่นชอบบนโปรไฟล์สื่อสังคมออนไลน์ของตน และมีความรู้สึกผูกพันทางการเมืองกับพรรคการเมือง/กลุ่มการเมืองที่ตนชื่นชอบในระดับน้อย สำหรับการมีส่วนร่วมทางการเมือง พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีระดับการมีส่วนร่วมทางการเมืองแบบออนไลน์ในระดับน้อย และมีระดับการมีส่วนร่วมทางการเมืองในชีวิตจริงน้อยเช่นกัน
เพศ ระดับการศึกษา และภูมิลำเนา มีความสัมพันธ์กับการเปิดรับเนื้อหาด้านการเมืองผ่านสังคมออนไลน์ นอกจากนี้ ยังพบว่าประชาชนที่มีการเลือกเปิดรับข้อมูลข่าวสารทางการเมืองผ่านสื่อสังคมออนไลน์แตกต่างกันจะมี ความสนใจทางการเมืองแตกต่างกัน โดยผู้ที่มีลักษณะการเปิดรับข้อมูลแบบละเอียดจะมีระดับความสนใจทางการเมืองสูงสุด ทั้งนี้ เมื่อจัดกลุ่มการเปิดรับข้อมูลข่าวสารตามกลุ่มความคิดทางการเมือง ก็พบว่า การเปิดรับข้อมูล จากกลุ่มเฟซบุ๊กแฟนเพจและบัญชีทวิตเตอร์ที่มีความคิดทางการเมืองแตกต่างกัน ทำให้มีความสนใจทางการเมืองที่แตกต่างกันด้วย ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์จะเลือกเปิดรับข้อมูลข่าวสารทางการเมืองที่มีความสอดคล้องกับตน
ในด้านความสนใจทางการเมืองพบว่ามีความสัมพันธ์เชิงบวกกับความผูกพันทางการเมืองในลักษณะเดียวกัน พบว่าความผูกพันทางการเมืองมีความความสัมพันธ์เชิงบวกกับการมีส่วนร่วมทางการเมือง และการมีส่วนร่วมทางการเมืองแบบออนไลน์มีขนาดความสัมพันธ์กับความผูกพันทางการเมืองมากกว่าการมีส่วนร่วมทางการเมืองในชีวิตจริง นอกจากนี้ ยังได้พบความสัมพันธ์เชิงบวกในระดับสูงมากระหว่างการมีส่วนร่วมทางการเมืองแบบออนไลน์กับระดับการมีส่วนร่วมทางการเมืองในชีวิตจริง

Article Details

ประเภทบทความ
Articles
ประวัติผู้แต่ง

อัจฉรา ปัณฑรานุวงศ์, คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

อัจฉรา ปัณฑรานุวงศ์ (ปร.ด. สื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2551) ปัจจุบันดำรงตำแหน่งคณบดีและผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจำกลุ่มวิชาประชาสัมพันธ์ คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

เอกสารอ้างอิง

ภาษาไทย
กมลวรรณ คารมปราชญ์. (2550). การศึกษาอิทธิพลของการถ่ายทอดทางการเมืองจากครอบครัวสถาบันการศึกษา ที่ทำงาน และสื่อมวลชน ที่ส่งผลต่อความโน้มเอียงทางการเมือง ความผูกพันต่อพรรคการเมือง และพฤติกรรมการมีส่วนร่วมทางการเมืองของพนักงานรัฐวิสาหกิจ.วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตรดุษฎีบัณฑิต, มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, สถาบันวิจัยพฤติกรรมศาสตร์.
วัลลภ ลำพาย. (2535). ความรู้สึกสัมฤทธิผลทางการเมืองและความสนใจทางการเมืองของข้าราชการไทย: ศึกษาเฉพาะกรณีข้าราชการ กรมส่งเสริมสหกรณ์ส่วนกลาง. วิทยานิพนธ์รัฐศาสตรมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, คณะรัฐศาสตร์.
วรรณวิภางค์ มานะโชติพงษ์. (2557). “มองเหลือง-แดง ผ่านขั้วความทางการเมือง”, วารสารเศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์. 32:3 “ชี้โลกออนไลน์ เหยื่อสังคมการเมือง” (20 ธันวาคม 2558). สืบค้นจากhttps://www.thairath.co.th/content/87154

สมบัติ ธำรงธัญวงศ์. (2551). ปัจจัยภูมิหลัง วัฒนธรรมทางการเมือง และการมีส่วนร่วมทางการเมืองของผู้นำเยาวชนไทย. งานวิจัย คณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ สมาคมโฆษณาดิจิทัล (ประเทศไทย). (30 ธันวาคม 2558). “Thailand Social Media Landscape 2014”. สืบค้นจาก http://www.daat.in.th/index.php/thailand-social-media-landscape-2014

ภาษาอังกฤษ
An, Jisun&Quercia, Daniele & Crowcroft, Jon. (2013). Fragmented social media: A look into selective exposure to political news. WWW 2013 Companion - Proceedings of the 22nd International Conference on World Wide Web. 51-52.10.1145/2487788.2487807.
Arnstein, S.R., (July, 1969). “A Ladder of Citizen Participation.”Journal of the American Planning Association. 35tein
Dahl, R.A. (1961). Who Governs?. New Haven, CT: Yale University Press.
de Bastion, G., Stilz, M. and Herlitz, R. (2014). Social Media and Political Participation. Eschborn: the Deutsche GesellschaftfürInternationaleZusamenarbeitde
Harmon-Jones, E. (2009). Cognitive Theories.In Littlejohn, S. W. & Foss, K. A. (Eds.), Encyclopedia of Communication Theory. (pp.109-111). Thousand Oaks, CA : SAGE.
Holleque, M. (4 August 2011). “Rethinking the Stability of Political Interest” (Draft).A Meeting of the University of Winconsin’s Political Research Group.
Klapper, J. T. (1960). The Effects of Mass Communication. New York: The Free Press.
Laopanarai, P. (2012). Facebook and Political Awareness of Multi-color Shirt (Movement): A Case Study of Political Movement during April-May 2010. Thesis (M.A. (International Relations), Thammasat University, Faculty of Political Science.
Meijer, A., Burger, N., & Ebbers, W. E. (2009). “Citizens4Citizens: Mapping Participatory Practices on the Internet.”Electronic journal of e-Government, 7(1), 99-112.
Messing, S. & Westwood, S.J. (2012). Selective Exposure in the Age of Social Media: Endorsements Trump Partisan Source Affiliation When Selecting News Online. Retrieved 3 December 2015 from http://www.dartmouth.edu/~seanjwestwood
/papers/CRsocialNews.pdf
Morgan, J.S., Shafiq, M.Z. & Lampe, C. (2013). “Is News Sharing on Twitter Ideologically Biased?. Ideology, Politics, and Social Curation: Recent Work on Twitter. CSCW’13. San Antonio.
Samphaokaeo, A. (2013). “The Use of Facebook for Political Purposes in Thai Politics: An Analysis of the Yingluck Government, 2011-2013” (Research Paper). International Institute of Social Studies