งานวิจัยสร้างสรรค์ ชุด กริชรายา ศาสตราวุธ
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประวัติความเป็นมากระบวนการรำสิละกริช และเพื่อสร้างสรรค์การแสดงชุดกริชรายา ศาสตราวุธ โดยวิธีการศึกษาจาก เอกสาร ตำรา งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง การสัมภาษณ์ และการสังเกตการณ์แบบมีส่วนร่วม
ผลการวิจัยพบว่า วัฒนธรรมการใช้อาวุธกริช มีความสัมพันธ์กับชวา-มลายู มาก่อนคริสต์ศตวรรษที่ 14 เชื่อว่ากริชเป็นตัวแทนองค์พระอิศวร มีไว้เพื่อบูชา เป็นเครื่องประกอบพระราชอิสริยยศของกษัตริย์หรือบุคคลชั้นสูง รวมไปถึงเป็นเครื่องประดับที่ทรงเกียรติบ่งบอกถึงฐานะของผู้ครอบครอง ในสังคมชาวไทย กริชเป็นเครื่องรางของขลังมีไว้เป็นที่พึ่งพาทางด้านจิตใจ และปรากฏอยู่ในพิธีกรรมที่สำคัญ เช่น ลิมนต์ พิธีกรรมโนราโรงครู พิธีเข้าสุหนัต ประเพณีแต่งงาน เพื่อแสดงถึงความกตัญญูต่อผีบรรพบุรุษ ความเป็นมงคลป้องกันเสนียดจัญไร การรำกริชปรากฏในการแสดงเชิงต่อสู้ที่เรียกว่า สิละกริช เป็นศิลปะการต่อสู้โดยใช้กริชประกอบการร่ายรำและอวดลีลากระบวนท่าการต่อสู้ มีลำดับการแสดง 3 ขั้น คือ การเคารพคู่ต่อสู้ด้วยการสลาม การรำไหว้ครูเพื่อรำลึกถึงครูบาอาจารย์และเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตัวเอง การร่ายรำเพื่อดูชั้นเชิงคู่ต่อสู้เริ่มจากการขึ้นพรหม เป็นการรำ 4 ทิศ และข่มขวัญคู่ต่อสู้ เป็นการร่ายรำสวนทางกับคู่ต่อสู้โดยทำท่าเดินแปลง (ย่างสามขุม) จบด้วยกระบวนการต่อสู้ การสร้างสรรค์ชุดการแสดง กริชรายา ศาสตราวุธ ที่ผู้วิจัยได้สร้างสรรค์ขึ้นใหม่ คือ 1 เครื่องแต่งกาย ผู้แสดงสวมชุดบายูมลายูแบบราชสำนักปัตตานี 2 ดนตรีสำหรับดำเนินทำนองใช้ปี่ชวาและกลองมลายูเป็นเครื่องกำกับจังหวะผสมกับดนตรีสากลบรรเลงด้วยทำนองเพลงร่วมสมัย 3 เพลง ท่ารำ แบ่งเป็น 3 ขั้นตอน ได้แก่ การแสดงถึงความเคารพบูชากริช การแสดงขั้นตอนการใช้กริชในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การถือกริช การเหน็บกริช การชักกริช การเก็บกริช การใช้กริชเป็นเครื่องประดับ และแสดงถึงการร่ายรำกลวิธีต่อสู้ การแสดงสร้างสรรค์ชุด กริชรายา ศาสตราวุธ ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นโดยใช้การพื้นฐานการรำสิละกริช ค่านิยมความเชื่อเรื่องกริช มาออกแบบโดยใช้หลักโครงสร้างทางนาฏศิลป์ไทย และนาฏศิลป์พื้นบ้านภาคใต้ ทำให้ได้การแสดงสร้างสรรค์รูปแบบใหม่ ที่ไม่ทำให้ของเดิมเสียหาย และยังคงไว้ซึ่งศิลปะการต่อสู้ในรูปแบบการแสดงพื้นบ้านภาคใต้ที่สะท้อนถึงความเชื่อ วิถีชีวิตความเป็นปัจจุบันไปด้วย
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ถือเป็นความคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักอักษรจากวารสารคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ก่อนเท่านั้น
เอกสารอ้างอิง
จุติกา โกศลเหมมณี. (2556). รูปแบบและแนวคิดในการสร้างสรรค์งานนาฏยศิลป์ร่วมสมัยของนราพงษ์ จรัสศรี. วารสารสถาบันวัฒนธรรมและศิลปะ, 15(1), 159.
ตีพะลี อะตะบู และคณะ. (2547). กริชรามันห์ มหาศาสตราภารณ์หล่อหลอมเอกบุรุษ: โครงการอนุรักษ์และส่งเสริมศิลปะการทำกริชรามันห์ ตำบลตะโล๊ะหะลอ
อำเภอรามันห์ จังหวัดยะลา. เชียงใหม่ : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย.
ปรานี วงศ์เทศ. (2525). พื้นบ้านพื้นเมือง. กรุงเทพฯ : เรือนแก้วการพิมพ์.
พงศพิชญ์ แก้วกุลธร. (2551). พื้นฐานดนตรี. กรุงเทพฯ : กรพัฒนายิ่ง.
พิชัย แก้วขาว และบุญเลิศ จันทระ. (2550). วัฒนธรรมศาสตราวุธภาคใต้: โครงการผลิตสารสนเทศข้อมูลในพิพิธภัณฑ์คติชนวิทยา. สงขลา : ขวัญใจงานพิมพ์.
สุธิวงศ์ พงศ์ไพบูลย์ และคณะ. (2543). กะเทาะสนิมกริช แลวิถีชาวใต้ตอนล่าง. กรุงเทพฯ : สำนักงานกองทุนการวิจัย.