การสร้างสรรค์การเสดงชุด มันนิ บาเเตซ
Main Article Content
บทคัดย่อ
งานวิจัยเรื่องการสร้างสรรค์การแสดง ชุดมันนิ บาแตซ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาประวัติความเป็นมา องค์ประกอบ วิธีเล่นดนตรีและกระบวนท่ารำของชาติพันธุ์มันนิบ้านวังสายทอง ตำบลวังสายทอง อำเภอมะนัง จังหวัดสตูล 2) เพื่อศึกษาวิเคราะห์องค์ประกอบ หลักการและแนวทางในสร้างสรรค์ท่ารำชนเผ่า 3) เพื่อสร้างสรรค์การแสดงชุด มันนิ บาแตซ ในรูปแบบการแสดงชนเผ่าตามจารีตนาฏศิลป์ไทย โดยศึกษาเก็บรวบรวมข้อมูลจากตำรา เอกสาร การสัมภาษณ์ สังเกตการณ์ ผู้ที่มีความรู้ตลอดจนบุคคลที่เกี่ยวข้องเพื่อเป็นข้อมูลในการสร้างสรรค์การแสดง จัดการสนทนากลุ่ม เพื่อตรวจสอบความถูกต้องและคุณภาพผลงานเพื่อให้เกิดประโยชน์มากยิ่งขึ้น
ผลการวิจัยพบว่า จากการศึกษาการเล่นดนตรีและนาฏศิลป์ของชนเผ่ามันนิในจังหวัดสตูล ทำให้เกิดแนวคิดในการสร้างสรรค์การแสดง ชุด มันนิ บาแตซ เป็นการเล่นดนตรีและท่ารำของชาวมันนิหลังจากกลับมาจากออกป่าล่าสัตว์ด้วยความปลอดภัยก็จะมาพบปะสังสรรค์รื่นเริงและเกี้ยวพาราสีกันเป็นที่สนุกสนาน รูปแบบและลักษณะการแสดง เป็นการแสดงหมู่ ประกอบด้วย ผู้แสดงชาย - หญิง 12 คน ผู้วิจัยสร้างสรรค์กระบวนท่ารำขึ้นสื่อให้เห็นถึงการเล่นดนตรีและนาฏศิลป์ของชนเผ่ามันนิหลังกลับจากการล่าสัตว์ก็จะมาพบปะสังสรรค์ร่ายรำเกี้ยวพาราสีกัน โดยมี“บาแตซ” ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีชนเผ่าทำด้วยไม้ไผ่ตีให้จังหวะและร่ายรำไปตามทำนองเพลง โครงสร้างของท่ารำแบ่งเป็น 5 ขั้นตอน ดังนี้ 1.ผู้ชายเดินทางมายังลานหมู่บ้าน 2. ผู้ชายเล่นดนตรีชนเผ่า 3. ผู้หญิงเดินทางมายังลานหมู่บ้าน 4.รำเกี้ยวพาราสี 5.เดินทางกลับทับ (กระท่อม) ซึ่งผู้วิจัยได้นำการเล่นดนตรีที่มีอยู่เดิมและสร้างสรรค์ท่ารำขึ้นใหม่ โดยท่ารำมีที่มาจากการเลียนแบบท่าธรรมชาติและท่าที่ประดิษฐ์ขึ้นเพื่อสื่อความหมายเฉพาะ นอกจากการสร้างสรรค์ท่ารำ ผู้วิจัยยังได้สร้างสรรค์องค์ประกอบอื่นๆ อีก ดังนี้ 1. ดนตรี ได้แก่ เครื่องทำจังหวะ เครื่องดนตรีดำเนินทำนอง และเครื่องดนตรีเลียนเสียงนก ไก่ป่า เพลงจำนวน 2 เพลง คือ เพลงมันนิ บาแตซ, เพลงโอรัง อัสลี 2. เครื่องแต่งกาย สร้างสรรค์การแต่งกายของชนเผ่ามันนิดั้งเดิมที่เลิกใช้ไปแล้ว เครื่องแต่งกายผู้ชาย เรียกว่าชุด “เลาะเตี๊ยะ” นุ่งผ้าคาบระหว่างขาแล้วกระหวัดรอบเอวห้อยชายผ้าด้านหน้าเรียกว่า “ไกพ๊อก” ห้อยชายผ้าด้านหลังเรียกว่า “กอเลาะ” สร้างสรรค์รัดสะเอวทำด้วยผ้าขนสัตว์ห้อยไม้ไผ่ซาง เครื่องประดับ ปลอกแขนขนนก กำไลมือ สร้อยคอ วิกผมหยิก และดอกไม้ทัดสีขาว เครื่องแต่งกายผู้หญิง สร้างสรรค์นุ่งผ้าจีบโรยเชิงยาวคลุมเข่า เรียกว่าชุด “จะวัด” สวมเสื้อเกาะอกแทนการเปลือยตัว รัดสะเอวทำด้วยผ้าขนสัตว์ห้อยผลไม้ป่า เครื่องประดับ ปลอกแขนขนนก กำไลมือ สร้อยคอ ต่างหู วิกผมหยิก และดอกไม้ทัดสีแดง 3. อุปกรณ์การแสดง 3 ชนิด ได้แก่ เกราะพร้อมไม้ตี, บาแตซ 2 ง่าม,บาแตซ ปาด
Article Details
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ถือเป็นความคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักอักษรจากวารสารคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ก่อนเท่านั้น
เอกสารอ้างอิง
กรมศิลปากร. (2553). สูจิบัตรละครเรื่องเงาะป่า พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่. กรุงเทพฯ : สำนักการสังคีต กรมศิลปากร.
พีรพงศ์ เสนไสย. (2546). นาฏยประดิษฐ์. กาฬสินธุ์ : ประสานการพิมพ์.
พีรพงศ์ เสนไสย. (2546). ศิลปะการแสดงตะวันออก. มหาสารคาม : สาขาวิชาศิลปะการแสดง คณะศิลปกรรม มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
ไพบูลย์ ดวงจันทร์. (2541). ดนตรีและนาฏศิลป์ของชนกลุ่มน้อยชาวซาไก. ใน คึกฤทธิ์ ปราโมช (บรรณาธิการ). ลักษณะไทย เล่ม 3 ศิลปะการแสดง. (หน้า 289). กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนาพานิช.
เมธินี จิระวัฒนา. (2539). บทละครเงาะป่ากับการดัดแปลงสู่แนวละครร่วมสมัย. วารสารศิลปากร, 39(5), 95.
ยุพร แสงทักษิณ. (2529). บทละครเรื่องเงาะป่า พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว. กรุงเทพฯ : ไทยร่มเกล้า.
สุรพล วิรุฬห์รักษ์. (2547). หลักการแสดงนาฏยศิลป์ปริทรรศน์. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.