นาฏยลักษณ์การแสดงของวังยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการสืบทอด องค์ประกอบ กระบวนท่าเต้น และนาฏยลักษณ์การแสดงของวังยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี โดยใช้วิธีการศึกษาจากเอกสาร การสัมภาษณ์ การสังเกตการณ์ และการรับการถ่ายทอดกระบวนท่าสำคัญจากศิลปินพื้นบ้าน จังหวัดปัตตานี
ผลการวิจัยพบว่า การแสดงของวังยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี เป็นการแสดงท่าเต้นประกอบทำนองเพลงได้สืบทอดเป็นมรดกทางศิลปะการแสดงของไทยมาตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช มีชื่อเสียงมากในสมัยพระยาพิพิธเสนามาตย์ศรีสุรสงคราม หลังจากที่พระยาพิพิธเสนามาตย์ศรีสุรสงครามได้ชักชวนนายญัง ซึ่งเป็นนักดนตรีและผู้แสดงคณะละครบังสวันจากสิงคโปร์ให้มาเป็นครูฝึกซ้อมรองเง็งและการแสดงอื่นๆ เช่น ยอร์เก็ตปาฮัง ตารีกีปัสให้กับบรรดาข้าราชบริพารของวังยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี และผู้สนใจทั่วไปซึ่งรวมทั้งขุนจารุวิเศษศึกษากรด้วย ต่อมาในปี พ.ศ. 2494 ขุนจารุวิเศษ-ศึกษากร ซึ่งดำรงตำแหน่งศึกษาธิการอำเภอเมืองปัตตานี ได้ฟื้นฟูการแสดงของวังยะหริ่งจังหวัดปัตตานีขึ้นแล้วถ่ายทอดให้กับคณะครูจังหวัดปัตตานีได้รับนิยมแพร่หลาย ปัจจุบัน มีครูนพมาศ พรมนุชาธิปเป็นผู้สืบทอด การแสดงของวังยะหริ่งมีองค์ประกอบการแสดง ที่สำคัญ คือ การใช้วงดนตรีพื้นบ้านผสมเครื่องดนตรีสากลบรรเลงด้วยทำนองเพลงมลายู นิยมใช้ผู้แสดงคู่ชายและหญิงแสดงตั้งแต่ 1 คู่ ขึ้นไป แต่งกายด้วยชุดแบบราชสำนักมลายู มีกระบวนท่าเต้นประจำแต่ละเพลง ได้แก่ การแสดงรองเง็งจำนวน 10 เพลงมีท่ารำ 16 ท่า ยอร์เก็ตปาฮังจำนวน 3 เพลงมีท่ารำ 18 ท่า สำหรับตารีกีปัสจำนวน 1 เพลงมีท่ารำ 11 ท่ารำ สำหรับนาฏยลักษณ์การแสดงของวังยะหริ่ง จังหวัดปัตตานีพบว่ามี 4 ประการ คือ 1. เครื่องแต่งกายในการแสดง ผู้ชายสวมชุดบายูมลายู และผู้หญิงสวมเสื้อกือบายา บานง ติดกือโรงซัง (เข็มกลัดแทนกระดุมเสื้อ) ผมเกล้ามวยต่ำระดับท้ายทอย ทัดดอกไม้ 2. ท่าเริ่มต้นและท่าจบการแสดงด้วยท่าแสดงความเคารพ หรือท่า “สลาม” 3. ผู้แสดงเคลื่อนที่ด้วยการแตะเท้าร่วมกับการก้าวเท้าตามจังหวะฆ้อง 4. มีท่าเต้นเฉพาะ 6 ท่า ได้แก่ ท่ากำมือ ท่าแตะเท้า ท่าเล่นเท้า ท่าย่ำเท้า ท่าหมุนตัวและการสวนแถว โดยเฉพาะมีการเคลื่อนที่ตามกันของคู่เต้นไปทางด้านขวาและด้านซ้ายอย่างชัดเจน กระบวนท่าเต้นการแสดงของวังยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี นับเป็นภูมิปัญญาทางด้านศิลปะการแสดงประจำท้องถิ่น ที่บุคคลในชุมชนยะหริ่งและชาวจังหวัดปัตตานี ที่ควรธำรงรักษา เผยแพร่องค์ความรู้ ให้คงอยู่คู่กับชุมชนและประเทศชาติสืบไป
Article Details
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ถือเป็นความคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักอักษรจากวารสารคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ก่อนเท่านั้น
เอกสารอ้างอิง
ฐิติศักดิ์ เวชกามา. (2553). แนวคิด ทฤษฎี วัฒนธรรม. มหาสารคาม : สถาบันวิจัยศิลปะและวัฒนธรรมอีสาน มหาวิทยาลัย มหาสารคาม.
ทรงคุณ จันทจร. (2546). การวิจัยเชิงคุณภาพทางวัฒนธรรมขั้นสูง. มหาสารคาม : สถาบันวิจัยศิลปะและวัฒนธรรมอีสาน มหาวิทยาลัย มหาสารคาม.
นาฏศิลปพัทลุง,วิทยาลัย. (2558). รวมประวัติการแสดงพื้นเมืองภาคใต้.พัทลุง :ฉลาดการพิมพ์.
ประภาส ขวัญประดับ. (2542).ดนตรีรองเง็ง.สงขลา: สถาบันราชภัฏสงขลา.
มัลลิกา คณานุรักษ์. (2544). รวมเรื่องน่ารู้: ภาคใต้. พิมพ์ครั้งที่2. กรุงเทพฯ:โอเดียนสโตร์
วรวิทย์ บารู. (2551).มลายูปาตานี:ชาติพันธุ์ อัตลักษณ์และการเปลี่ยนแปลงภายใต้แผนงาน การวิจัยบูรณาการปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้.มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี.
สถาบันนาฏดุริยางคศิลป์. (2542).วิพิธทัศนา. กรุงเทพฯ : ไทภูมิ พับลิซซิ่ง.
สุธิวงศ์ พงศ์ไพบูลย์. (2542).”กอซั้ง” ในสารานุกรมวัฒฯธรรมไทย ภาคใต้เล่ม 1. กรุงเทพฯ: มูลนิธิ สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ธนาคารไทยพาณิชย์.
สุภา วัชรสุขุม. (2530). รองเง็ง :นาฏศิลป์พื้นเมืองภาคใต้.กรุงเทพฯ:ชมรมสังคมศาสตร์ ภาคใต้ ศูนย์ศิลปวัฒนธรรม วิทยาลัยครูยะลา.
สุรพล วิรุฬห์รักษ์. (2547). หลักการแสดงนาฎยศิลป์ปริทรรศน์.กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.