กระบวนการสร้างสรรค์ฟ้อนมองเซิง ของพ่อครูมงคล เสียงชารี
Main Article Content
บทคัดย่อ
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษากระบวนการสร้างสรรค์ฟ้อนมองเซิง และความสัมพันธ์ระหว่าง บทสวด(คาถาธรรม)กับการตีกลองมองเซิงและกระบวนท่าฟ้อนมองเซิง ของพ่อครูมงคล เสียงชารี โดยการศึกษาจากเอกสาร การสัมภาษณ์ การสังเกตการณ์ การเก็บข้อมูลภาคสนาม และการฝึกปฏิบัติเพื่อรับการถ่ายทอดกระบวนท่าฟ้อนมองเซิงจากพ่อครูมงคล เสียงชารี นำผลที่ได้มาเขียนบรรยายพรรณนาเชิงวิเคราะห์ ผลการวิจัยพบว่าการสร้างสรรค์ฟ้อนมองเซิง ของพ่อครูมงคล เสียงชารี มีกระบวนการสร้างสรรค์ 4 ขั้นตอน ได้แก่ 1. ขั้นแนวคิด จากองค์ความรู้ที่ได้รับการถ่ายทอดจากพ่อครูมานพ ยาระณะ แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ การบรรเลงดนตรีตามด้วยการแสดงฟ้อนมองเซิงและการฟ้อน ประกอบการบรรเลงดนตรี 2. การออกแบบองค์ประกอบการแสดงซึ่งประกอบด้วย ผู้แสดงสามารถแสดงได้โดยไม่กำหนดเพศและอายุ ด้านการออกแบบเพลงใช้แต่เครื่องประกอบจังหวะมีกลองมองเซิง,ฆ้อง,ฉิ่ง ร่วมกับการแสดงใช้บทสวด(คาถาธรรม) บท“นะโมตัสสะ…”และ“อิติปิโส…” กำกับจังหวะในการฟ้อน ด้านการแต่งกายในลักษณะของชาวบ้านภาคเหนือ 3. วิธีการแสดงมี 3 ลักษณะ คือ 1. ใช้ผู้แสดงชายล้วนจำนวน 9 คน 2. ใช้ผู้แสดงหญิงล้วนจำนวน 9 คน 3. ใช้ผู้แสดงชายและผู้แสดงหญิงแสดงร่วมกันจำนวน 18 คน 4. การออกแบบท่าฟ้อน ประกอบด้วยท่านาฏศิลป์ไทย 7 ท่า และท่าแม่บทล้านนา 6 ท่า ลักษณะการแปรแถวมีหลายรูปแบบ ด้านความสัมพันธ์ระหว่างบทสวด (คาถาธรรม)กับการตีกลองมองเซิง พ่อครูมงคล เสียงชารี ใช้บทสวด(คาถาธรรม)แทนเสียงจังหวะกลอง มองเซิง เพื่อเป็นการฝึกสมาธิของผู้บรรเลงและผู้แสดงให้มีจิตใจจดจ่ออยู่กับการแสดง อีกทั้งเพื่อเป็นการน้อมระลึกถึงคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เพื่อให้การใช้อวัยวะทุกส่วนมีความสัมพันธ์กับการท่องบทสวด(คาถาธรรม) ตลอดการแสดง สิ่งสำคัญผู้แสดงจะต้องสามารถบรรเลงเครื่องดนตรีและปฏิบัติท่าฟ้อนมองเซิงได้ทุกคน
Article Details
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ถือเป็นความคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักอักษรจากวารสารคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ก่อนเท่านั้น
เอกสารอ้างอิง
สนั่น ธรรมธิ. (2551).โครงการล้านนาคดีศึกษา.เชียงใหม่:กรมพลศึกษาลำดับที่6 โครงการศูนย์ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.เชียงใหม่:สันติภาพ ปริ้นท์.
สุจิตรา รณรื่น. (2539). การฝึกสมาธิ วิธีปฏิบัติธรรมตามแนวทางพระพุทธศาสนา. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: ม.ป.พ.
สุรพล วิรุฬห์รักษ์. (2543). วิวัฒนาการนาฏศิลป์ไทยในกรุงรัตนโกสินทร์. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สำนักงานจังหวัดเชียงใหม่. (2555). ประเพณีเมืองเชียงใหม่. พิมพ์ครั้งที่ 1. เชียงใหม่.
อ้างอิงจากการสัมภาษณ์
มงคล เสียงชารี (9 สิงหาคม 2560). สัมภาษณ์. ผู้สร้างสรรค์ชุดการแสดง ดำรงตำแหน่งครู คศ. 2 ปัจจุบันเป็นข้าราชการบำนาญ
พีระวัฒน์ เสียงชารี (14 กันยายน 2560). สัมภาษณ์. ผู้สืบทอดกระบวนการสร้างสรรค์ชุดการแสดง ดำรงตำแหน่งครูวิทยฐานะชำนาญการ โรงเรียนสันกำแพง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 34
จิดาภา ชัยวุฒิ (25 มีนาคม 2561). สัมภาษณ์. ผู้แสดงฟ้อนมองเซิงของพ่อครูมงคล เสียงชารี ดำรงตำแหน่งประธานชราบาลวุฒิวิทยาลัย หมู่ที่ 12 อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่