การพัฒนาชุดฝึกอบรมครูดนตรีในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 - 6 เรื่อง “การสอนดนตรีตามหลักการโคดายและทฤษฎีการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน”
Main Article Content
บทคัดย่อ
วัตถุประสงค์ในการวิจัยครั้งนี้ คือ 1) เพื่อพัฒนาชุดฝึกอบรมครูดนตรีในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 เรื่อง การสอนดนตรีตามหลักการสอนของโคดายและทฤษฎีการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน (BBL) 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ในเรื่องความรู้ความเข้าใจในการสอนของครูดนตรีที่ได้เข้ารับการอบรม เรื่องการสอนดนตรีโดยหลักการสอนของโคดายและทฤษฎีการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐานก่อนและหลังการอบรม ผู้เข้าร่วมวิจัย คือ ครูดนตรี ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 ทุกภูมิภาค ที่เข้าร่วมฝึกอบรมในโครงการพัฒนาศักยภาพ สถาบันส่งเสริมอัจฉริยภาพและนวัตกรรมการเรียนรู้ (สสอน.) จำนวน 14 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1) แบบทดสอบความเข้าใจทางดนตรีก่อนและหลังการอบรม 2) แบบสังเกตการสอน และ 3) แบบสอบถามความพึงพอใจ ใช้เพื่อสังเกตการสอนดนตรีและสอบถามความพึงพอใจหลังการฝึกอบรมเป็นเวลา 3 เดือน สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลผู้วิจัยใช้การทดสอบค่าที และการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียวเพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ของครู และใช้สถิติเชิงบรรยายเพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมและความพึงพอใจของครู
ผลการวิจัยมีดังนี้ 1) ชุดฝึกอบรมสำหรับ 12 ชั่วโมง (2 วัน) สาระสำคัญ คือ (1) หลักการของโคดาย: คุณภาพของการขับร้อง การอ่านโน้ตดนตรีโดยใช้สัญญาณมือ และสัญลักษณ์จังหวะ และระบบสาระดนตรี (2) ทฤษฎีการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน: การประยุกต์ใช้แนวคิดของทฤษฎีการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน การเรียนรู้โดยผู้เรียนมีส่วนร่วม การสอนโดยเน้นการเรียนที่ผ่อนคลายและตื่นตัว โดยเอกสารประกอบด้วย 8 ส่วน 2) ประสิทธิภาพของชุดการสอน ผลการวิจัยแสดงว่า คะแนนจากข้อทดสอบความเข้าใจดนตรีก่อนและหลักการอบรมมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ (t = -9.179, df = 13, p < .05) ค่าเฉลี่ยคะแนนสอบหลังเรียน (M = 12.71) สูงกว่าคะแนนสอบก่อนเรียน (M = 7.71) สำหรับผลการติดตามการสอนของครูหลังจากที่ได้รับการอบรม 3 เดือน ซึ่งเกี่ยวข้องกับครู การสอน นักเรียน และชุดฝึกอบรม มีดังนี้ (1) เกี่ยวกับครู: มีความรู้/ความเข้าใจในการจัดกิจกรรมดนตรีเพิ่มขึ้น มีค่าในระดับมาก (M = 4.20, SD = 0.63), มีความรู้ความเข้าใจในหลักการของโคดาย ซึ่งเน้นการร้อง “เสียงก่อนสัญลักษณ์” มีค่าระดับมาก (M = 3.70, SD = 0.67), (2) เกี่ยวกับการสอน: การประยุกต์เปลี่ยนแปลงการสอนให้เหมาะสมกับผู้เรียน และสามารถดำเนินขั้นตอนการสอนได้ตรงตามหลักการมีค่าในระดับมาก (M = 3.90, SD = 0.74; M = 3.90, SD 0.57) (3) เกี่ยวกับนักเรียน: นักเรียนเป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้ มีค่าอยู่ในระดับมาก (M = 3.50, SD = 0.97) เรียนรู้อย่างมีความสุข สนุกสนาน อยู่ในระดับปานกลาง (M = 3.40, SD = 0.70) (4) เกี่ยวกับโปรแกรมการอบรม: การอบรมช่วยเพิ่มเติมความรู้ในสาระดนตรี (M = 4.70, SD = 0.48) และการอบรมช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการสอน (M = 4.60, SD = 0.52) อยู่ในระดับมากที่สุด
Article Details
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ถือเป็นความคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักอักษรจากวารสารคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ก่อนเท่านั้น
เอกสารอ้างอิง
ณรุทธ์ สุทธจิตต์. (2561). สาระดนตรีศึกษา: แนวคิดสู่แนวปฏิบัติ. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ณรุทธ์ สุทธจิตต์. (2544). พฤติกรรมการสอนดนตรี. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
Caine, R.N., & Caine, G. (1994). Making connection: Teaching and the Human Brain. New York: Addison-Wesley.