กรับในวัฒนธรรมดนตรีลุ่มน้ำโขง

Main Article Content

นพพล ไชยสน
สุรพล เนสุสินธุ์
คมกริช การินทร์

บทคัดย่อ

             งานวิจัยนี้ มีจุดประสงค์ของการทำวิจัยคือ 1) เพื่อศึกษาหลักฐานทางโบราณคดีและบันทึกที่เกี่ยวข้องกับกรับ 2) เพื่อศึกษาบทบาทหน้าที่ของกรับในวัฒนธรรมดนตรีลุ่มน้ำโขง และ 3) เพื่อศึกษาอัตลักษณ์ทางดนตรีของกรับในวัฒนธรรมดนตรีลุ่มน้ำโขง โดยใช้วิธีดำเนินการวิจัยเชิงคุณภาพทางมานุษยดุริยางควิทยา ใช้วิธีเก็บรวบรวมข้อมูลจากเอกสารและข้อมูลทางภาคสนามเป็นหลัก ซึ่งกำหนดพื้นที่วิจัยในกลุ่มประเทศภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ประกอบด้วย ประเทศไทย ประเทศลาว และประเทศกัมพูชา อันเป็นกลุ่มประเทศ ที่มีลักษณะโครงสร้างทางวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกัน


             ซึ่งผลวิจัยพบว่า การละเล่นกรับมีประวัติศาสตร์ความเป็นที่มายาวนาน โดยปรากฏหลักฐานทางด้านโบราณคดีและบันทึกหลายชิ้น เช่น ภาพปติมากรรมปูนปั้นประดับสถาปัตยกรรม สมัยทวารวดี อายุราวพุทธศตวรรษที่ 13-14  อันเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า สังคมในภูมิภาคแถบนี้มีการละเล่นดังกล่าวสืบเนื่องมาตั้งแต่ยุคอดีต ปัจจุบันปรากฏลักษณะของกรับอยู่ 3 ประเภทคือ 1) กรับเคาะ 2) กรับคู่ และ 3) กรับกระดิ่ง โดยถูกนำมาใช้เล่นประกอบจังหวะดนตรี ประกอบการขับร้อง และประกอบการแสดง รวมทั้งเข้าไปมีบทบาทในพิธีกรรมในฐานะเป็นเครื่องดนตรีประกอบจังหวะ ซึ่งสามารถพบเห็นได้ทั้งในวงดนตรีราชสำนัก และในวงดนตรีพื้นบ้าน โดยเฉพาะในวงดนตรีพื้นบ้าน ซึ่งถือเป็นการละเล่นท้องถิ่นชนบทที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปตามเทศกาลงานบุญประเพณีต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายในชุมชน ซึ่งการละเล่นกรับของแต่ละประเทศ มีลักษณะโครงสร้างทางกายภาพ เทคนิควิธีการเล่น จังหวะการบรรเลง ทำนอง บทเพลง และลีลาท่าทางในการแสดงออก ที่คล้ายคลึงกัน ทั้งนี้มีผลมาจากความสัมพันธ์ทางสังคมและวัฒนธรรมที่เป็นผลมาจากปัจจัยทางภูมิศาสตร์  ปัจจุบันในบางพื้นที่มีการยึดถือปฏิบัติน้อย โดยเฉพาะในพื้นที่ประเทศลาวและกัมพูชา ที่สุ่มเสี่ยงต่อการสูญหาย แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ศึกษามองว่า ศิลปะการละเล่นดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงการมีวัฒนธรรมร่วมรากเดียวกัน ท่ามกลางปัจจัยความแตกต่างบนพื้นที่ทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย อันสะท้อนให้เห็นถึงการดำรงอยู่เป็นมรดกภูมิปัญญาอันล้ำค่าของชาติและคู่กับท้องถิ่นนั้นๆ สืบไป

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
ไชยสน น., เนสุสินธุ์ ส., & การินทร์ ค. (2020). กรับในวัฒนธรรมดนตรีลุ่มน้ำโขง. วารสารกระแสวัฒนธรรม, 21(39), 17–32. สืบค้น จาก https://so02.tci-thaijo.org/index.php/cultural_approach/article/view/240311
ประเภทบทความ
Research Article

เอกสารอ้างอิง

Fine Arts Department. (1915). Thai Ramayana Written by King Rama I. 9th ed. Nonthaburi: Vajirayana Digital Library. (in Thai)

Fine Arts Department. (1929). Writing by the King: Lakhon Nok of Sang Thong Episode 6 Sang Thong Gets Love from Rojana. Nonthaburi: Vajirayana Digital Library. (in Thai)

Fine Arts Department. (1934). Royal Chronicles King Rama IV of Rattanakosin, 1851– 2411. No. Chaophraya Thiphakorawong (Kham Bunnag). Printed as a Memorial in the Cremation Ceremony Khunying Thammasarn Neti (Ob Bunnag). Nonthaburi: Vajirayana Digital Library. (in Thai)

Fine Arts Department. (2012). Transcription Traiphum (Chapter 5 Human Land) of the ASEAN Literature Project. 2nd ed. In An Academic Seminar on Traiphum Ideology: Influence on Thai Society. Nonthaburi: Vajirayana Digital Library. (in Thai)

Malm, W. P. (1977). Music Cultures of Pacific, the Near East, and Asia. Englewood Cliffs. New Jersey: Prentice–Hall. Inc.

Narathip Praphanphong. (1962). La Loubere are Archives in the Days of King Narai: the Great or Ramathibodi III of Ayutthaya. Volume 1. No. Translated from English to Thai by Krom Phra Narathip Praphanphong in 1914. Bangkok: Kuru Sapa Business Organization Press.

Narong Khianthongkul. (n.d.). Thai Studies (Thai Music). Teaching Documents. Faculty of Humanities, Kasetsart University.

Theraphat Chaiphiphat. (2008). Society and Culture of Countries in the Mekong Sub–Region. Bangkok: Mr.Copy Press.

Yos Santasombat. (2009). River of Life. Faculty of Social Sciences, Chiang Mai University.