การสื่อสารดิจิทัลกับการธำรงรักษาวัฒนธรรมหมอลำเรื่องต่อกลอน กรณีศึกษาคณะประถมบันเทิงศิลป์

Main Article Content

สันดุสิทธิ์ บริวงษ์ตระกูล
โสภัทร นาสวัสดิ์

บทคัดย่อ

            หมอลำเรื่องต่อกลอนเป็นวัฒนธรรมพื้นบ้านของภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ควรจะอนุรักษ์เพื่อให้ธำรงอยู่ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงของสื่อและเทคโนโลยี การวิจัยครั้งนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมใช้สื่อดิจิทัลของแฟนคลับหมอลำเรื่องต่อกลอน คณะประถมบันเทิงศิลป์ เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ โดยกลุ่มตัวอย่างได้แก่ แฟนคลับที่ใช้เฟซบุ๊กแฟนเพจคณะประถมบันเทิงศิลป์ จำนวน 400 คน กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างโดยใช้ตารางเทียบหากลุ่มตัวอย่างของ Yamane (1967) ใช้วิธีการประมาณ
ค่าสัดส่วนของกลุ่มตัวอย่าง เครื่องมือในการเก็บรวมรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณ
ค่า 5 ระดับ ซึ่งมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.98 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่
ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที การทดสอบค่าเอฟ และการวิเคราะห์สหสัมพันธ์


            ผลการวิจัยพบว่า แฟนคลับคณะประถมบันเทิงศิลป์ส่วนใหญ่พบว่าเป็นเพศชาย คิดเป็นร้อยละ 75.5 มีอายุระหว่าง 31-40 ปี คิดเป็นร้อยละ 37.8  สถานภาพโสด คิดเป็นร้อยละ 47.3 ระดับการศึกษาปริญญาตรี คิดเป็นร้อยละ 56.5 มีอาชีพพนักงานบริษัทเอกชน คิดเป็นร้อยละ 41.8 และรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อเดือน 10,001-20,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 37.3 ผลการทดสอบสมมติฐานพบว่า แฟนคลับที่มีเพศต่างกันมีพฤติกรรมการใช้เฟซบุ๊กแฟนเพจคณะประถมบันเทิงศิลป์ไม่แตกต่างกัน และแฟนคลับที่มีการเปิดรับสื่อ       เฟซบุ๊กแฟนเพจคณะประถมบันเทิงศิลป์เหมือนกันมีพฤติกรรมการใช้เฟซบุ๊กแฟนเพจคณะประถมบันเทิงศิลป์ไม่เหมือนกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
บริวงษ์ตระกูล ส., & นาสวัสดิ์ โ. (2021). การสื่อสารดิจิทัลกับการธำรงรักษาวัฒนธรรมหมอลำเรื่องต่อกลอน กรณีศึกษาคณะประถมบันเทิงศิลป์. วารสารกระแสวัฒนธรรม, 22(42), 44–53. สืบค้น จาก https://so02.tci-thaijo.org/index.php/cultural_approach/article/view/218826
ประเภทบทความ
Research Article

เอกสารอ้างอิง

Best, J. W. (1997). Research in Education. Englewood Cliffs, New Jersey: Prentice–Hall.

Chairuek, P. (2002). A Study on Internet Using Behaviors of Under Graduated Students at King Mongkut’s University of Technology Thonburi. School of Industrial Education, King Mongkut’s University of Technology Thonburi.

Hunt, T. & Ruben, B. D. (1993). Mass Communication: Producers and Consumers. New York: HarperCollins College Publishers.

Kaewthep, K. (2009). Mass Communication: Educational Theories and Guidelines. Bangkok: Chulalongkorn University Press.

Khorpornprasert, B. (2004). The Behavior and Impacts of Using Facebook of University Students in Bangkok. Romphruek Journal, Krirk University, 32(2), 1-24.

Onnuam, W. (2012). The Communication Phenomenon in Digital Age. APHEIT Journal, 18(2), 212–220.

Prathombanterngsin Fanpage. (2019). Prathombanterngsin. Retrieved from http://www.facebook.com/groups/515882198498565.

Suksri, O. (2007). Communication on Website for Identity Construction and Sign of Foreign Football Fanclub A Case Study: Red Army Fan Club. Faculty of Arts, Graduate School, Dhurakij Pundit University.

Suwannachote, P. (2008). Communication, Parasocial Interaction and Pro-social Value Learning of Korean Star Singers’ Fanclub. Faculty of Communication Arts, Chulalongkorn University.

Tharaphot, T. & Dumrisuk, S. (2001). Human Behavior and Self Development. Bangkok: Thipayawisut.

Yamane, T. (1967). Statistics: An Introductory Analysis. New York: Harper and Row.