การพัฒนาคู่มือการจัดการเรียนรู้รายวิชาการสนทนาภาษาจีนธุรกิจ โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบกิจกรรมเป็นฐาน ของห้องเรียนภาษาจีนในจังหวัดกรุงเทพมหานครและนนทบุรี

ผู้แต่ง

  • ชลลดา เชิดโฉม สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์

บทคัดย่อ

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. เพื่อพัฒนาคู่มือการจัดการเรียนรู้รายวิชาการสนทนาภาษาจีนธุรกิจ โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบกิจกรรมเป็นฐาน ของห้องเรียนภาษาจีนในจังหวัดกรุงเทพมหานครและนนทบุรี และ 2. เพื่อประเมินความพึงพอใจคู่มือการจัดการเรียนรู้รายวิชาการสนทนาภาษาจีนธุรกิจ โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบกิจกรรมเป็นฐาน ของห้องเรียนภาษาจีนในจังหวัดกรุงเทพมหานครและนนทบุรี เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ 1. ผู้เชี่ยวชาญที่ทำงานเกี่ยวกับการศึกษา การจัดการเรียนรู้ หรือการวัดประเมินผลที่มีประสบการณ์ทำงานมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี จำนวน 5 คน ทำการคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) และ 2. ผู้สอนที่ใช้คู่มือการจัดการเรียนรู้รายวิชาการสนทนาภาษาจีนธุรกิจ จำนวน 10 คน โดยโรงเรียนที่มีห้องเรียนภาษาจีนในจังหวัดกรุงเทพมหานครและนนทบุรี จำนวน 10 โรงเรียน เป็นการเลือกแบบสุ่มแบบง่ายจากห้องเรียนภาษาจีนที่ทำความร่วมมือกับสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ โดยมีการเรียนการสอนรายวิชาการสนทนาภาษาจีนธุรกิจ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ 1. แบบประเมินคุณภาพคู่มือการจัดการเรียนรู้รายวิชาการสนทนาภาษาจีนธุรกิจ และ 2. แบบประเมินความพึงพอใจคู่มือการจัดการเรียนรู้รายวิชาการสนทนาภาษาจีนธุรกิจ ทำการวิเคราะห์ข้อมูลโดยค่าเฉลี่ย (Mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation : S.D.) ผลการวิจัยพบว่า

  1. 1. คุณภาพคู่มือการจัดการเรียนรู้รายวิชาการสนทนาภาษาจีนธุรกิจ โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบกิจกรรมเป็นฐาน พบว่า ความเหมาะสมของด้านรูปเล่มโดยภาพรวม มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.88 ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.30 ความเหมาะสมของด้านเนื้อหาโดยภาพรวม มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.84 ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.28 และความเหมาะสมของด้านการนำไปใช้ประโยชน์โดยภาพรวม มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.80 ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.44 ทั้ง 3 ด้านอยู่ในระดับมากที่สุด
  2. 2. ความพึงพอใจของผู้ที่ใช้คู่มือการจัดการเรียนรู้วิชาการสนทนาภาษาจีน โดยโดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบกิจกรรมเป็นฐาน พบว่า ความเหมาะสมของด้านเนื้อหาโดยภาพรวม มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.72 ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.95 และความเหมาะสมของด้านการนำไปใช้ พบว่า ความค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.74 ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 1.15 ทั้ง 2 ด้านอยู่ในระดับมาก

เอกสารอ้างอิง

ณัฐวุฒิ สกุณี และอัมพร ม้าคนอง. (2561). “การพัฒนาเจตคติแรงจงูใจใฝ่สัมฤทธิ์และพฤตกิรรมการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้การจัดการเรียนการสอนที่เน้นกิจกรรมเป็นฐาน”. วารสารอิเล็กทรอนิกสทางการศึกษา. [Online] แหล่งที่มา : https://so01.tci-thaijo.org/index.php/OJED/article/view/110544/86654 (30 มกราคม 2561 )

สุมาลี เชื้อชัย. (2551) การพัฒนารูปแบบการฝึกอบรมการเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการเรียนรู้โดยการสังเกตผ่านเครือข่าย สำหรับนิสิตคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. วิทยานิพนธ์ ค.ม. (การสอนและเทคโนโลยีการศึกษา) กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (21 ธันวาคม 2565) “สพฐ. ประชุมเชิงปฏิบัติการการจัดทำ แนวทางการจัดการเรียนการสอนภาษาจีนและแนวทางการขอเปิดห้องเรียนพิเศษภาษาจีน” เว็บไซต์ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. [Online] แหล่งที่มา :https://www.obec.go.th/archives/743797

อาภรณ์ ใจเที่ยง. (2553) หลักการสอน (ฉบับปรับปรุง). กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์โอเดียนสโตร์.

อาภันตรา แสงวงศ์. (2551) การพัฒนาคู่มือการจัดการเรียนรู้แบบ 4 MAT ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบซิปปาที่มีผลต่อการคิดวิเคราะห์ ความคิดรวบยอดและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาคณิตศาสตร์เพิ่มเติมของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5. วิทยานิพนธ์ ค.ม. (วิจัยและพัฒนาการศึกษา) สกลนคร : มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2024-06-29

รูปแบบการอ้างอิง

เชิดโฉม ช. (2024). การพัฒนาคู่มือการจัดการเรียนรู้รายวิชาการสนทนาภาษาจีนธุรกิจ โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบกิจกรรมเป็นฐาน ของห้องเรียนภาษาจีนในจังหวัดกรุงเทพมหานครและนนทบุรี. วารสารวิชาการภาษาและวัฒนธรรมจีน, 11(1), 205–216. สืบค้น จาก https://so02.tci-thaijo.org/index.php/clcjn/article/view/268645

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย