วิเคราะห์ทิศทางของสาธารณรัฐประชาชนจีนต่ออนาคต “หนึ่งประเทศสองระบบ” ของฮ่องกง
คำสำคัญ:
ฮ่องกง, หนึ่งประเทศสองระบบ, เขตบริหารพิเศษ, การปฏิรูปเศรษฐกิจจีนบทคัดย่อ
ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นประเทศที่มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก มีระบบการปกครอง หลักเป็นระบบคอมมิวนิสต์ ขณะท่ีการปกครองท้องถ่ินก็มีความหลากหลาย โดยแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 22 มณฑล (省) (โดยไม่ได้นับรวมไต้หวัน) เขตปกครองตนเอง 5 เขต (自治区) เทศบาลนคร 4 เมือง (直辖市) และเขตบริหารพิเศษอีก 2 แห่ง (特别行政区) น่ันคือเขตบริหารพิเศษฮ่องกง (香港) และเขต บริหารพิเศษมาเก๊า (澳门)แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
ปัจจุบันเขตบริหารพิเศษฮ่องกงและมาเก๊าเป็นที่จับตามองเป็นพิเศษท้ังจากจีนเองและนานาประเทศฝั่ง ประชาธิปไตยทั่วโลก สืบเน่ืองมาจากภายหลังเขตบริหารพิเศษกลับเข้าสู่การปกครองของรัฐบาลจีนอย่างเต็ม รูปแบบภายใต้หลักการ “หน่ึงประเทศสองระบบ” แล้ว ระบบการเมืองการปกครองจึงมีความแตกต่างจากเดิม เพราะแต่เดิมมาเก๊าเป็นเขตเช่าของโปรตุเกส ขณะท่ีฮ่องกงเป็นเขตเช่าของอังกฤษ อานาจการปกครองมาจาก แนวคิดประเทศตะวันตกท่ีมีระบอบประชาธิปไตยหนุนนามาก่อน
โดยเฉพาะเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ถึงแม้พลเมืองจะไม่ได้ลิ้มรสกับระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงเลยมา ตลอด 99 ปี แต่การที่รัฐบาลอังกฤษจัดให้มีการเลือกตั้งเป็นคร้ังแรกในปี ค.ศ. 1995 ก่อนคืนฮ่องกงให้จีนเพียง 2 ปีน้ันก็ถือเป็นการส่งสัญญาณบางอย่างให้พลเมืองฮ่องกงอย่างมีนัยสาคัญ
เมื่อฮ่องกงกลับคืนสู่การปกครองของจีนเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ.1997 จึงกลายเป็นเรื่องท้าทาย สาหรับรัฐบาลจีนอย่างย่ิง ท้ังความพยายามจะหลอมรวมประชากรจีนกับประชากรฮ่องกงให้เป็นหนึ่งเดียวกัน รวมถึงระบบการปกครองท่ีแม้จะขึ้นตรงต่อรัฐบาลกลางปักกิ่ง แต่ในส่วนของเศรษฐกิจ การค้า การพาณิชย์
ฮ่องกงสามารถดาเนินนโยบายได้อย่างอิสระ ทว่านั่นกลับไม่ใช่สิ่งที่พลเมืองฮ่องกงต้องการนัก เพราะนโยบาย เศรษฐกิจเสรีนี้จะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 มิถุนายน ค.ศ. 2047
บทความน้ีจะวิเคราะห์ถึงทิศทางของหลักการหนึ่งประเทศสองระบบท่ีมีต่อการปกครองฮ่องกง การมอง อนาคตของฮ่องกงว่าจะมีแนวโน้มไปในทิศทางใด ตลอดจนความขัดแย้งภายในต่างๆ ที่เกิดขึ้นจะมีจุดจบ หรือไม่ และพลเมืองฮ่องกงจะมีทางออกให้กับตนเองอย่างไรบ้าง
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารภาษาและวัฒนธรรมจีน มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
บทความใน “วารสารวิชาการภาษาและวัฒนธรรมจีน” เป็นทรรศนะของผู้เขียนโดยเฉพาะ กองบรรณาธิการไม่มีส่วนในความคิดเห็นในข้อเขียนเหล่านั้น