ฟ้อนบวงสรวงกู่พันนา
Main Article Content
บทคัดย่อ
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาประวัติความเป็นมาของปราสาทขอมกู่พันนา 2) สร้างสรรค์กระบวนท่าฟ้อนสำหรับใช้ในการบวงสรวงปราสาทขอมกู่พันนาโดยศึกษารูปแบบและลักษณะของการสร้างสรรค์งานฟ้อนสักการะในการวิจัยเชิงคุณภาพ จากเอกสาร ตำรา วรรณกรรมพื้นถิ่น เพื่อนำมาใช้การวิเคราะห์และเป็นแนวคิดสำคัญในการประดิษฐ์ท่ารำเป็นเอกลักษณ์ของผลงานและผู้วิจัยได้ใช้แนวคิดจากกระบวนประดิษฐ์ท่าการฟ้อนแม่บทอีสานของฉวีวรรณ ดำเนิน (พันธุ) ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดงพื้นบ้าน (หมอลำ) ประจำปี 2536 มาประดิษฐ์ท่าฟ้อนรำและนำข้อมูลทั้งหมดนำเสนอเป็นรูปแบบนาฏศิลป์พื้นบ้านอีสานโดยใช้นักแสดงทั้งหมด 2 คน ชาย 1 คน หญิง 1 คน เพื่อเป็นต้นแบบการฟ้อนรำทั้งชายและหญิงในด้านการแต่งกาย ผู้วิจัยได้แนวคิดและแรงบันดาลใจจากลักษณะการแต่งกายของผู้ชายและผู้หญิงชาวอีสานของท้องถิ่นซึ่งได้แต่งกายด้วยผ้าครามพื้นเมืองและเสื้อแขนกระบอกสีขาว ได้แบ่งการแสดงออกเป็น 3 ช่วง ดังนี้ ช่วงที่ 1) สื่อให้เห็นถึงการกราบไหว้บูชาขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ดูแลปกปักรักษาปราสาทขอมกู่พันนาและชาวบ้านพันนาช่วงที่ 2) สื่อให้เห็นถึงประวัติความเป็นมาของปราสาทขอมกู่พันนาช่วงที่ 3) สื่อให้เห็นถึงความร่วมแรงร่วมใจจัดงานบุญข้าวจี่ยักษ์ เพื่อบวงสรวงองค์ปราสาทขอมกู่พันนา
ผลการวิจัยพบว่า ปราสาทขอมกู่พันนาเป็นแหล่งโบราณคดีที่สำคัญเป็นแหล่งยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวบ้านตำบลพันนาและพื้นที่ใกล้เคียง ผู้วิจัยได้ประดิษฐ์กระบวนท่ารำหลักซึ่งได้นำกระบวนท่ารำจากท่ารำฟ้อนแม่บทอีสานจำนวน 7 ท่า จากกระบวนฟ้อนทั้งหมด 78 ท่า ตามจังหวะห้องดนตรี ได้แก่ ท่าพระพรหมสี่หน้า ท่าช้างเทียมแม่ ท่าคนขาแหย่ง ท่าพิเภกถวยครู ท่ากินรีชมดอกไม้ ท่าหนุมานถวายแหวนและท่าอุ่นมโนราห์ เพื่อเป็นผลงานสร้างสรรค์ที่ทรงคุณค่าต่องานศิลปะการแสดงในโอกาสต่อไป
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อหาและข้อมูลที่ได้รับการเผยแพร่ในวารสารวิพิธพัฒนศิลป์ ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้แต่งเท่านั้น โดยกองบรรณาธิการวารสารไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อเนื้อหาหรือข้อคิดเห็นใด ๆ ที่ปรากฏในบทความ
เอกสารอ้างอิง
จารุบุตร เรืองสุวรรณ. (2549). ของดีอีสาน (อนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ นางอรนุช เรืองสุวรรณ ท.ช. ณ วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร เขตบางเขน กรุงเทพฯ วันจันทร์ที่ 27 มีนาคม). ม.ป.ท.: ม.ป.พ.
จิรภัทร เริ่มศรี. (2566). การสื่อสารอัตลักษณ์จังหวัดสกลนครผ่านผ้าทอย้อมครามธรรมชาติ. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี, 12(1), มกราคม–มิถุนายน.
ชูพงศ์ คำจวง และคณะ. (2565). ยลโฉมสกลนคร. วารสารยลโฉมสกลนคร, 1(1). สืบค้นเมื่อ 17 สิงหาคม 2567, จาก https://file:///C:Users/My%๒Document/Downloads/28-6-65.pdf
ธันธวัช ปิ่นทอง. (2566). บทบาทการฟ้อนผู้ไทกาฬสินธุ์ในพิธีบวงสรวงพระยาชัยสุนทร (เจ้าโสมพะมิตร). วารสารพัฒนศิลป์วิชาการ, 7(2), กรกฎาคม–ธันวาคม.
พระครูใบฎีกาหัสดี กิตตินฺนโท. (2563). วิถีแห่งความเชื่อของชาวพุทธในสังคมไทย. วารสารมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยเลย ปริทัศน์, 1(2), พฤษภาคม–สิงหาคม.
พระชลญาณมุนี. (2565). ปรากฏการณ์ทางความเชื่อของคนไทยในยุคปัจจุบัน. วารสารมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย บาฬีศึกษาพุทธโฆสปริทรรศน์, 8(1), มกราคม–เมษายน.
พระอธิการสมาน สนฺติกโร และคณะ. (2564). แนวทางการส่งเสริมประเพณีบุญข้าวจี่ของชุมชนตำบลทุ่งกุลา อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย บุรีรัมย์, 6(1), มกราคม–มิถุนายน.
สารภี ขาวดี. (2563). บทบาทของประเพณีบุญเดือนสามในชุมชนไทกะเลิงบ้านม่วง จังหวัดนครพนม. งานประชุมวิชาการระดับชาติ มหาวิทยาลัยรังสิต, 1 พฤษภาคม. (เผยแพร่ออนไลน์)
สุทัศน์ ประทุมแก้ว และคณะ. (2563). อัตลักษณ์และคุณค่าทางความเชื่อของลาวกับพิธีกรรม “ลงข่วง” ในจังหวัดศรีสะเกษ. วารสารพุทธปรัชญาวิวัฒน์, 4(2), กรกฎาคม–ธันวาคม.
สุรพล วิรุฬห์รักษ์. (2557). นาฏยทฤษฎี. วารสารราชบัณฑิตยสถาน, 39(3), กรกฎาคม–กันยายน. สำนักศิลปกรรม ราชบัณฑิตยสถาน.
อนุรัตน์ สายทอง และคณะ. (2554). รายงานวิจัยครามและผลิตภัณฑ์คราม. มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร.